ส่วนที่ 1
สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน
1.ด้านกายภาพ
1.1 ที่ตั้งของหมู่บ้านหรือชุมชนหรือตำบล
ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ตั้งอยู่ในที่ทำเลเลี้ยงสัตว์บ้านตูมน้อยถนนสายบ้านปะคำสำโรง – บ้านกระทุ่มนอก ตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เขตองค์การบริหารส่วนตำบลมีพื้นที่ 74 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 64,000 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อดังนี้ คือ
ทิศเหนือ จรดเขตองค์การบริหารส่วนตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์
ทิศใต้ จรดเขตองค์การบริหารส่วนตำบลกลันทา อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
ทิศตะวันออก จรดเขตองค์การบริหารส่วนตำบลโนนขวาง อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์
ทิศตะวันตก จรดเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหินเหล็กไฟ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
1.2 ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดบุรีรัมย์ สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง พื้นที่ลาดจากทิศใต้ลงไปทิศเหนือ พื้นที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่นน้อยเป็นที่ราบขั้นบันไดช่องเขาเกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อประมาณเก้าแสนถึงหนึ่งล้านปีเศษ ทำให้จังหวัดบุรีรัมย์มีลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญคือ 1)พื้นที่สูงและภูเขาทางตอนใต้ 2)พื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นตอนกลางของจังหวัด 3)พื้นที่ราบลุ่มตอนเหนือริมฝั่งแม่น้ำมูล
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จัดอยู่ในพื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นตอนกลางของจังหวัด มีความสูงประมาณ 150 -200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางพื้นที่ทอดขนานเป็นแนวยาวทางทิศตะวันออกและตะวันตกครอบคลุมพื้นที่ประมาณร้อยละ 60 ของพื้นที่จังหวัดได้แก่บริเวณ อำเภอประโคนชัย พลับพลาชัย เมืองบุรีรัมย์ กระสัง ลำปลายมาศ คูเมือง บางส่วนของอำเภอนางรอง หนองกี่หนองหงส์ สตึก พุทไธสง โดยบริเวณอำเภอบ้านกรวด นางรอง ลำปลายมาศ จะมีพื้นที่รายลุ่มบริเวณริมฝั่งลำน้ำและลำห้วย ได้แก่ ลำปลายมาศ ลำนางรอง ลำปะเทียบ ลำทะเมนชัยห้วยราช และห้วยตาดุง ส่วนพื้นที่ตอนใต้ของอำเภอพุทไธสง คูเมือง และ เมืองบุรีรัมย์ จะเป็นพื้นที่ภูเขาสูงและพื้นที่ป่าไม้ (ที่มา: www. th.wikipedia.org)
1.3 ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะภูมิอากาศขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จัดอยู่ภายในเขตภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อน (Tropical Savanna Climate : Aw) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เขตภูมิอากาศแบบสวันนา(Savanna Climate) ซึ่งเป็นลักษณะอากาศที่มีฤดูแล้งสลับฤดูฝนอย่างเด่นชัด จากสถิติภูมิอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาในคาบ 30 ปี (พ.ศ. 2514-2543) ของจังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า ปริมาณฝนรวมเฉลี่ยทั้งปี วัดได้ 1,188.2 มิลลิเมตร ความชื้นสัมพัทธ์สูงที่สุดเฉลี่ย วัดได้ 96 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนกันยายน ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำที่สุดเฉลี่ย วัดได้ 40 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยรวมแล้วจังหวัดบุรีรัมย์มีความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยทั้งปี 75 เปอร์เซ็นต์ ลักษณะอากาศเช่นนี้เกิดขึ้นเนื่องจากจังหวัดบุรีรัมย์ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ จึงสามารถแบ่งฤดูกาลออกได้เป็น 3 ฤดู ดังนี้
1.4 ลักษณะของดิน
ลักษณะของพื้นที่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีพื้นที่และสภาพภูมิประเทศที่มีความหลากหลายเหมาะแก่การปลูกพืช เนื่องจากชุดดินตูมใหญ่ โดยข้อมูลการกรมพัฒนาที่ดิน มีความอุดมสมบูรณ์ของดินปานกลาง
การแสดงชนิดของกลุ่มชุดดินและแสดงคำแนะนำในการปลูกพืช
กลุ่มชุดดิน | ลักษณะของดินและแนวทางการจัดการดิน |
ชุดดินที่ 17 | สามารถปลูกข้าว ในพื้นที่ที่เป็นกรดจัดมาก โดยการหว่านวัสดุปูน 200-300 กิโลกรัม/ไร่ เพื่อเพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารในดิน ไถกลบตอซัง ปล่อยทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์ หรือไถกลบพืชปุ๋ยสด (โสนอัฟริกัน หรือโสนอินเดีย 4-6 กิโลกรัม/ไร่ ไถกลบเมื่ออายุ 50-70 วัน ปล่อยไว้ 1-2 สัปดาห์) ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำหรือปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 ใส่ปุ๋ยแต่งหน้าหลังปักดำ 35-45 วัน พัฒนาแหล่งน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ข้าวขาดน้ำหรือใช้ทำนาครั้งที่ 2 หรือปลูกพืชไร่ พืชผักหรือพืชตระกูลถั่วหลังเก็บเกี่ยวข้าว โดยทำร่องแบบเตี้ย ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ การปลูกพืชไร่ พืชผัก หรือไม้ผล ยกร่องกว้าง 6-8 เมตร คูน้ำกว้าง 1.0-1.5 เมตร ลึก 0.5-1.0 เมตร และมีคันดินอัดแน่นล้อมรอบ ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หรือขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 ซม. ปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 20-35 กิโลกรัม/หลุม ในช่วงเจริญเติบโต ก่อนเก็บผลผลิตและภายหลังเก็บผลผลิต มีการใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ เพื่อเพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารในดิน ควรมีการใช้วัสดุปูน 200-300 กิโลกรัม/ไร่ พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก |
ชุดดินที่ 22
| ปลูกข้าว ไถกลบตอซัง ปล่อยทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์ หรือไถกลบพืชปุ๋ยสด (โสนอัฟริกัน หรือโสนอินเดีย 4-6 กิโลกรัม/ไร่ ไถกลบเมื่ออายุ 50-70 วัน ปล่อยไว้ 1-2 สัปดาห์) ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำหรือปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 ใส่ปุ๋ยแต่งหน้าหลังปักดำ 35-45 วัน พัฒนาแหล่งน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ข้าวขาดน้ำหรือใช้ทำนาครั้งที่ 2 หรือปลูกพืชไร่ พืชผักหรือพืชตระกูลถั่วหลังเก็บเกี่ยวข้าว โดยทำร่องแบบเตี้ย ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ปลูกพืชไร่ พืชผัก หรือไม้ผล ยกร่องกว้าง 6-8 เมตร คูน้ำกว้าง 1.0-1.5 เมตร ลึก 0.5-1.0 เมตร และมีคันดินอัดแน่นล้อมรอบ ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หรือขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 ซม. ปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 20-35 กิโลกรัม/หลุม ในช่วงเจริญเติบโต ก่อนเก็บผลผลิตและภายหลังเก็บผลผลิต ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ตามชนิดพืชที่ปลูก พัฒนาแหล่งน้ำชลประทานและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก |
กลุ่มชุดดิน | ลักษณะของดินและแนวทางการจัดการดิน |
ชุดดินที่ 24
| ปลูกข้าว ไถกลบตอซัง ปล่อยไว้ 3-4 สัปดาห์ หรือไถกลบพืชปุ๋ยสดร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำหรือปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 (หว่านโสนอัฟริกันหรือโสนอินเดีย 6-8 กิโลกรัม/ไร่ ไถกลบเมื่ออายุ 50-70 วัน ปล่อยไว้ 1-2 สัปดาห์) พัฒนาแหล่งน้ำชลประทานไว้ใช้ในช่วงที่ข้าวขาดน้ำ หรือใช้ปลูกพืชไร่ พืชผักหรือพืชตระกูลถั่วหลังเก็บเกี่ยวข้าว โดยทำร่องแบบเตี้ย ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 3-4 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ปลูกพืชไร่ พืชผัก หรือไม้ผล ยกร่องกว้าง 6-8 เมตร คูน้ำกว้าง 1.0-1.5 เมตร ลึก 0.5-1.0 เมตร และมีคันดินอัดแน่นล้อมรอบ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 3-4 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หรือขุดหลุมปลูกขนาด 75x75x75 ซม. พร้อมปรับปรุงหลุมปลูกด้วยอินทรียวัตถุ ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมี 25-50 กิโลกรัม/หลุม ในช่วงเจริญเติบโต ก่อนเก็บผลผลิตและภายหลังเก็บผลผลิต ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีตามชนิดพืชที่ปลูก พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก
|
ชุดดินที่ 36
| ปลูกพืชไร่หรือพืชผัก เลือกพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 2-3 ตัน/ไร่ หรือไถกลบพืชปุ๋ยสด (หว่านเมล็ดถั่วพร้า 8-10 กิโลกรัม/ไร่ เมล็ดถั่วพุ่ม 6-8 กิโลกรัม/ไร่ หรือปอเทือง 4-6 กิโลกรัม/ไร่ ไถกลบระยะออกดอก ปล่อยไว้ 1-2 สัปดาห์) ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ มีวัสดุคลุมดิน ปลูกพืชหมุนเวียน หรือปลูกพืชสลับเป็นแถบ พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก ปลูกไม้ผล ขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 ซม. ปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 20-35 กิโลกรัม/หลุม ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เช่น ทำขั้นบันได คันดิน ปลูกพืชคลุมดิน ปลูกพืชแซม วัสดุคลุมดิน ทำแนวรั้วหรือทำฐานหญ้าแฝกเฉพาะต้น ในช่วงเจริญเติบโต ก่อนเก็บผลผลิตและภายหลังเก็บผลผลิต ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ตามชนิดพืชที่ปลูก พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก
|
ชุดดินที่ 40 | ปลูกพืชไร่หรือพืชผัก เลือกพื้นที่ค่อนข้างราบเรียบ ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 2-3 ตัน/ไร่ หรือไถกลบพืชปุ๋ยสด (หว่านเมล็ดถั่วพร้า 8-10 กิโลกรัม/ไร่ เมล็ดถั่วพุ่ม 6-8 กิโลกรัม/ไร่ หรือปอเทือง 4-6 กิโลกรัม/ไร่ ไถกลบระยะออกดอก ปล่อยไว้ 1-2 สัปดาห์) ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ มีวัสดุคลุมดิน ปลูกพืชหมุนเวียน หรือปลูกพืชสลับเป็นแถบ พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก ปลูกไม้ผล ขุดหลุมปลูกขนาด 50x50x50 ซม. ปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 20-35 กิโลกรัม/หลุม ร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ มีระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เช่น ทำขั้นบันได คันดิน ปลูกพืชคลุมดิน ปลูกพืชแซม วัสดุคลุมดิน ทำแนวรั้วหรือทำฐานหญ้าแฝกเฉพาะต้น ในช่วงเจริญเติบโต ก่อนเก็บผลผลิตและภายหลังเก็บผลผลิต ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ตามชนิดพืชที่ปลูก พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก
|
กลุ่มชุดดิน | ลักษณะของดินและแนวทางการจัดการดิน |
ชุดดินที่ 41 | ปลูกพืชไร่หรือพืชผัก จัดระบบการปลูกพืชหมุนเวียนตลอดทั้งปี ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 3-4 ตัน/ไร่ หรือไถกลบพืชปุ๋ยสด (หว่านเมล็ดถั่วพร้า 10-12 กิโลกรัม/ไร่ เมล็ดถั่วพุ่ม 8-10 กิโลกรัม/ไร่ หรือปอเทือง 6-8 กิโลกรัม/ไร่ ไถกลบระยะออกดอก ปล่อยไว้ 1-2 สัปดาห์) ร่วมกับการใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ มีวัสดุคลุมดินหรือปลูกพืชสลับเป็นแถบ พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก ในพื้นที่ต่ำควรทำร่องหรือทางระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณรากพืช ปลูกไม้ผล ขุดหลุมปลูกขนาด 75x75x75 ซม. ปรับปรุงหลุมปลูกด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 25-50 กิโลกรัม/หลุม ทำร่องระบายน้ำระหว่างแถวปลูก เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณรากพืช ปลูกพืชคลุมดิน วัสดุคลุมดิน หรือปลูกพืชแซม ทำแนวรั้วหรือทำฐานหญ้าแฝกเฉพาะต้น พัฒนาแหล่งน้ำและระบบการให้น้ำในแปลงปลูก ในช่วงเจริญเติบโต ก่อนเก็บผลผลิตและภายหลังเก็บผลผลิต ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์น้ำ ตามชนิดพืชที่ปลูก พัฒนาแหล่งน้ำและจัดระบบการให้น้ำในแปลงปลูก |
1.5 ลักษณะของแหล่งน้ำ
พื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ประสบปัญหาความแห้งแล้งอยู่เป็นประจำทุกปี ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ก็ได้พยายามจัดสรรงบประมาณเพื่อขุดลอกลำห้วยและสระเก็บน้ำทุกปีแต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งให้หมดไปได้ ซึ่งคงจะต้องดำเนินการแก้ไขพัฒนาแหล่งน้ำทั้งระบบต่อไป ส่วนแหล่งน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันประกอบด้วย
๑. ลำห้วย จำนวน ๕ สาย
๒. สระน้ำ จำนวน ๑๗ แห่ง
๓. บ่อบาดาล จำนวน ๔๕ บ่อ
1.6 ลักษณะของไม้และป่าไม้
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีป่าชุมชนหนึ่งแห่ง คือป่าชุมชนบ้านหนองตาด ลักษณะพันธุ์ไม้เป็นไม้เบญจพรรณ สภาพป่าไม้ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ปัจจุบันถูกบุกรุกแผ้วถางเพื่อนำไม้มาเผาถ่านและนำพื้นที่ไปทำการเกษตร จึงทำให้พื้นที่ป่าไม้ลดลงทุกปี การคุ้มครองและรักษาพื้นที่ป่าไม้ในอนาคต องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีนโยบายนำพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมมาทำเป็นป่าชุมชน โดยจัดกิจกรรมร่วมกับโครงการ “ รักน้ำ รักป่า รักษาแผ่นดิน ” เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการรักษาและใช้ประโยชน์จากป่าอย่างเหมาะสมและเกิดความสมดุลต่อไป
2.1 เขตการปกครอง
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้แบ่งเขตการปกครองเป็น 19 หมู่บ้าน มีจำนวนพื้นที่ 74 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 64,000 ไร่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
หมู่ที่ 1 บ้านหนองบัว
หมู่ที่ 2 บ้านสวายสอ
หมู่ที่ 3 บ้านหนองกระทุ่ม
หมู่ที่ 4 บ้านปะคำสำโรง
หมู่ที่ 5 บ้านตูมน้อย
หมู่ที่ 6 บ้านตูมใหญ่
หมู่ที่ 7 บ้านทุ่งสว่าง
หมู่ที่ 8 บ้านหนองดุม
หมู่ที่ 9 บ้านหนองตาด
หมู่ที่ 10 บ้านโนนเจริญ
หมู่ที่ 11 บ้านปะคำดง
หมู่ที่ 12 บ้านกรูด
หมู่ที่ 13 บ้านหนองไผ่ดง
หมู่ที่ 14 บ้านกระทุ่มนอก
หมู่ที่ 14 บ้านกระทุ่มนอก
หมู่ที่ 15 บ้านโคกสำราญ
หมู่ที่ 16 บ้านเมืองกับ
หมู่ที่ 17 บ้านแคนเจริญ
หมู่ที่ 18 บ้านหนองบัวพัฒนา
หมู่ที่ 19 บ้านใหม่เจริญสุข
แผนที่แสดงอาณาเขตการปกครอง
2.2 การเลือกตั้ง
การเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน มีจำนวน 19 หมู่บ้าน โดยการเลือกตั้งจะมีการเลือกตั้งตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล) จำนวน 1 คน และเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล หมู่บ้านละ 2 คน 19 หมู่บ้าน รวมเป็น 38 คน โดยมีรายละเอียดดังนี้
– ฝ่ายผู้บริหารหรือนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ประกอบด้วยนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรง และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอาจแต่งตั้งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้จำนวน 2 คน และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอีกจำนวน 1 คน มาช่วยบริหารงาน ซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องและเป็นไปตามนโยบายที่ได้แถลงต่อสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ในปัจจุบันนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ได้แต่งตั้งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 2 ท่าน และแต่งตั้งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 1 ท่าน มาช่วยด้านงานบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลำดับที่ | ชื่อ – สกุล | ตำแหน่ง |
1. | นายชาตรี ศรีตะวัน | นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ |
2. | นายประเสริฐ ศรีตะวัน | รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ |
3. | นายนวพล ศรีบุญเรือง | รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ |
4 | นายจำรัส นาราษฎร์ | เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ |
– ฝ่ายนิติบัญญัติหรือสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ประกอบด้วยสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลที่ประชาชนเลือกตั้ง จำนวน 38 คน จากหมู่บ้านละ 2 คน จำนวน 19 หมู่บ้าน อยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี
ลำดับ | หมู่ที่ | ชื่อตัว – ชื่อสกุล | อายุ | ที่อยู่ | ระดับ |
1 | 1 | นายบุญเรือง ทองเรือง | 50 | 147 หมู่ 1 ต.ตูมใหญ่ | มศ.5 |
2 |
| นายพรมมา ขนันไทย | 44 | 23/1 หมู่ 1 ต.ตูมใหญ่ | ป.6 |
3 | 2 | นายศรชัย ปุริตังสันโต | 56 | 131 หมู่ 2 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
4 |
| นายสมร กันนุลา | 51 | 111 หมู่ 2 ต.ตูมใหญ่ | ป.7 |
5 | 3 | ว่าง |
|
|
|
6 |
| นายสมพาน เบ็ญจมาศ | 40 | 125 หมู่ 3 ต.ตูมใหญ่ | ป.6 |
7 | 4 | นายธรรมปพน เยรัมย์ | 36 | 21 หมู่ 4 ต.ตูมใหญ่ | ม.3 |
8 |
| นายอนันท์ สว่างไสว | 35 | 98 หมู่ 4 ต.ตูมใหญ่ | ป.6 |
9 | 5 | นางบุญหลาย หนูไธสง | 45 | 124 หมู่ 5 ต.ตูมใหญ่ | ป.6 |
10 |
| นางสำเนียง ปะวะภูทะ | 50 | 114 หมู่ 5 ต.ตูมใหญ่ | ม.3 |
11 | 6 | นายฉลอง ปะสีละเตสัง | 50 | 13 หมู่ 6 ต.ตูมใหญ่ | ป.7 |
12 |
| นางสาวหงษ์ทอง ปรีชานนท์ | 42 | 8/1 หมู่ 6 ต.ตูมใหญ่ | ป.6 |
13 | 7 | นายอนุรักษ์ แป่มจำนัก | 48 | 129 หมู่ 7 ต.ตูมใหญ่ | ม.3 |
14 |
| นางดวงใจ เกมะหายุง | 41 | 3 หมู่ 7 ต.ตูมใหญ่ | ม.3 |
15 | 8 | นายสราวุฒิ เกมะหายุง | 41 | 35 หมู่ 8 ต.ตูมใหญ่ | ป.6 |
16 |
| นายสมโพธิ์ ศาลาแดง | 49 | 22 หมู่ 8 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
17 | 9 | นายจำรัส พันธราช | 61 | 24/1 หมู่ 9 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
18 |
| นายสุทัศน์ ไชยลาด | 52 | 178 หมู่ 9 ต.ตูมใหญ่ | ม.6 |
19 | 10 | นายสมศักดิ์ ภูทอง | 50 | 13 หมู่ 10 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
20 |
| นายแสง ฤทธิสาร | 44 | 114 หมู่ 10 ต.ตูมใหญ่ | ป.6 |
21 | 11 | นายสำเร็จ ภูมิกอง | 55 | 72 หมู่ที่ 11 ตำตูมใหญ่ | ม.3 |
22 |
| นายเหรียญชัย แซมเลา | 55 | 41 หมู่ 11 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
23 | 12 | นายวิเชียร เดือนแร่รัมย์ | 48 | 58 หมู่ 12 ต.ตูมใหญ่ | ม.3 |
24 |
| นายสุพจน์ เดชพรมรัมย์ | 44 | 100 หมู่ 12 ต.ตูมใหญ่ | ป.6 |
25 | 13 | นายเกียรติศักดิ์ จำจิตร | 42 | 34 หมู่ 13 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
26 |
| นายสังคม จันทร์ทวี | 35 | 101 หมู่ 13 ต.ตูมใหญ่ | ปวช. |
27 | 14 | นายเชิดชัย เบ็ญจมาศ | 47 | 49 หมู่ 14 ต.ตูมใหญ่ | ป.ตรี |
28 |
| นายรุ่งฤทธิ์ ดัดตนรัมย์ | 47 | 87 หมู่ 14 ต.ตูมใหญ่ | ม.3 |
29 | 15 | นายประจง บุพโต | 63 | 35 หมู่ 25 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
30 |
| นายพรชัย กั้นกลาง | 42 | 7 หมู่ 15 ต.ตูมใหญ่ | ปวช. |
31 | 16 | นายสมใจ โคตรชัยยา | 50 | 111/2 หมู่ 16 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
32 |
| ว่าง |
|
|
|
33 | 17 | นางสาวกรรณิกา ปะโปตินัง | 33 | 120 หมู่ 17 ต.ตูมใหญ่ | ม.6 |
34 |
| นายสมพร มีพิษ | 53 | 29 หมู่ 17 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
35 | 18 | นายประสิทธิ์ แหวนมุกข์ | 47 | 44/1 หมู่ 18 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
36 |
| นายเกลี้ยง ทองเรือง | 63 | 3/1 หมู่ 18 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
37 | 19 | นายบุญมี ดีรื่นรัมย์ | 46 | 175 หมู่ 19 ต.ตูมใหญ่ | ม.6 |
38 |
| นายวิชิต ดารินรัมย์ | 47 | 185 หมู่ 19 ต.ตูมใหญ่ | ป.4 |
3.1 ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนประชากร
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีจำนวนประชากรในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ถึงเดือน ตุลาคม พ.ศ.2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 12,196 คน เป็นชาย 6,122 คน เป็นหญิง 6,074 คน จำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 3,166 หลังคาเรือน เมื่อเปรียบเทียบอัตราส่วนความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่รวมทั้งหมดคิดเป็น 163 คน/ตารางกิโลเมตร
ตารางแสดงจำนวนประชากรตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 – 2559
ปี พ.ศ. | จำนวนครอบครัว | จำนวนประชากร | ความหนาแน่น | ||
ชาย | หญิง | รวม | |||
2548 | 2,690 | 5,953 | 5,974 | 11,927 | 161 คน/ตร.กม. |
2549 | 2,443 | 6,233 | 6,456 | 12,689 | 171 คน/ตร.กม. |
2550 | 2,515 | 6,320 | 6,578 | 12,898 | 174 คน/ตร.กม. |
2551 | 2,777 | 5,915 | 5,926 | 11,841 | 160 คน/ตร.กม. |
2552 | 2,832 | 5,942 | 5,960 | 11,902 | 160 คน/ตร.กม. |
2553 | 2,852 | 5,934 | 5,948 | 11,882 | 160 คน/ตร.กม. |
2554 | 2,862 | 5,945 | 5,951 | 11,896 | 160 คน/ตร.กม. |
2555 | 2,867 | 5,992 | 5,981 | 11,973 | 160 คน/ตร.กม. |
2556 | 2,872 | 6,057 | 6,019 | 12,076 | 163 คน/ตร.กม. |
2557 | 2,875 | 6,070 | 6,017 | 12,087 | 163 คน/ตร.กม. |
2558 | 3,104 | 6,106 | 6,004 | 12,110 | 163 คน/ตร.กม. |
2559 | 3,166 | 6,109 | 5,960 | 12,196 | 163 คน/ตร.กม. |
ที่มา: ข้อมูลสำนักบริหารการทะเบียนอำเภอคูเมือง ตุลาคม 2559
กราฟเส้นที่ 1 แสดงจำนวนประชากรย้อนหลัง 12 ปี ระหว่างปี พ.ศ.2548 -2559
ขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่
3.2 ช่วงอายุและจำนวนประชากร
จำนวนประชากรขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ แบ่งตามช่วงอายุ ที่อาศัยอยู่จริง ณ เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2559 จากข้อมูลความจำเป็นพื้นฐานระดับตำบล ปี 2559
สรุปประชากรที่อาศัยอยู่จริง ณ วันสำรวจ
มีครัวเรือน ทั้งหมด 2,687 ครัวเรือน
จำนวนประชากรที่อาศัยอยู่จริง ทั้งหมด 9,123 คน
เพศชาย 4,539 คน
เพศหญิง 4,584 คน
ช่วงอายุ | เพศชาย | เพศหญิง | รวม | |||
คน | % | คน | % | คน | % | |
น้อยกว่า 1 ปีเต็ม | 7 | 0.15 | 2 | 0.04 | 9 | 0.10 |
1 ปีเต็ม-2 ปี | 36 | 0.79 | 31 | 0.68 | 67 | 0.73 |
3 ปีเต็ม-5 ปี | 118 | 2.60 | 95 | 2.07 | 213 | 2.33 |
6 ปีเต็ม-11 ปี | 284 | 6.26 | 275 | 6.00 | 559 | 6.13 |
12 ปีเต็ม-14 ปี | 187 | 4.12 | 161 | 3.51 | 348 | 3.81 |
15 ปีเต็ม-17 ปี | 207 | 4.56 | 180 | 3.93 | 387 | 4.24 |
18 ปีเต็ม-25 ปี | 567 | 12.49 | 527 | 11.50 | 1,094 | 11.99 |
26 ปีเต็ม-49 ปี | 1,726 | 38.03 | 1,788 | 39.01 | 3,514 | 38.52 |
50 ปีเต็ม-60 ปี | 692 | 15.25 | 712 | 15.53 | 1,404 | 15.39 |
มากกว่า 60 ปีเต็ม ขึ้นไป | 715 | 15.75 | 813 | 17.74 | 1,528 | 16.75 |
รวม | 4,539 | 100.00 | 4,584 | 100.00 | 9,123 | 100.00 |
กราฟแท่งที่ 3 แสดงจำนวนประชากรแยกชายหญิง รายหมู่บ้าน ปี 2559
ที่มา : ข้อมูล จากการสำรวจ จปฐ. ประจำปี 2559
4.สภาพทางสังคม
4.1 การศึกษา
ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีสถานศึกษาที่ให้การศึกษาและความรู้กับประชาชนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้
4.2 สาธารณสุข
ในพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลจำนวน 2 แห่ง คอยให้บริการรักษาพยาบาลและป้องกันโรคต่าง ๆ แต่หากผู้ป่วยที่มีอาการหนัก เกินความสามารถของโรงพยาบาลส่งเสริม ก็จะถูกส่งเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอำเภอคูเมืองหรือโรงพยาบาลจังหวัดบุรีรัมย์ โดยองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีหน่วยรถกู้ชีพกู้ภัยฉุกเฉิน เตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคอยให้บริการผู้ป่วยโดยโทรแจ้งเหตุ ได้ที่สายด่วน 1669
4.3 อาชญากรรม
พื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ เป็นสภาพพื้นที่ที่ไม่เกิดปัญหาอาชญากรรมร้ายแรง ด้วยสภาพสังคม ชุมชน เป็นสังคมแบบเอื้ออารี เป็นสังคมที่มีความใกล้ชิดกัน
4.4 ยาเสพติด
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง คือ หมู่ที่ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ทางองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้ดำเนินการจัดทำโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้แก่เยาวชนตำบลตูมใหญ่
4.5 การสังคมสงเคราะห์
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้จ่ายเงินสร้างหลักประกันรายได้ตามระเบียกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 โดยมีรายละเอียดดังนี้
(เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ)
5.ระบบบริการพื้นฐาน
5.1 การคมนาคมขนส่ง
การคมนาคมขนส่งในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ในปัจจุบันนับว่าสะดวกขึ้นมากเพราะได้มีการพัฒนาถนนหนทางภายในเขตตำบล ทำให้การติดต่อระหว่างชุมชนสะดวกขึ้น องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีทางหลวงชนบทตัดผ่าน และส่วนที่เป็นถนนสายหลักภายในตำบลตูมใหญ่ทางหลวงชนบทได้ถ่ายโอนให้องค์การบริหารส่วนตำตูมใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2551 ทำให้สามารถบำรุงรักษา ซ่อมแซมถนนโดยใช้งบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อให้เกิดความสะดวกในติดต่อกับจังหวัดและอำเภอใกล้เคียงได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2558 องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้รับการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จำนวน 15,660,000 บาท เพื่อก่อสร้าง ปรับปรุง ถนนลาดยางถนนตามภารกิจถ่ายโอน ทำให้เส้นทางคมนาคมในพื้นที่มีความสะดวก ปลอดภัยมากขึ้น
5.2 การไฟฟ้า
ปัจจุบันการดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ อยู่ในความรับผิดชอบและดำเนินงานโดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอคูเมือง โดยมีครัวเรือนที่ได้ใช้ไฟฟ้าแล้วประมาณร้อยละ 99 ของครัวเรือนทั้งหมด แต่ก็ยังมีบางครัวเรือนที่ออกไปตั้งบ้านห่างชุมชนทำให้มีปัญหาเรื่องไม่มีไฟฟ้าใช้ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ก็ได้จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อดำเนินการให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอคูเมืองมาทำการขยายเขตไฟฟ้าแรงดันต่ำ เพื่อแก้ไขปัญหาในจุดนี้ แต่ก็ยังไม่ครบทุกครัวเรือน ซึ่งในส่วนนี้จะได้พิจารณาดูแลแก้ไขต่อไป
5.3 การประปา
ระบบประปาในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีจำนวนครัวเรือนที่ใช้น้ำประปาจากระบบประปาหมู่บ้านแล้ว จำนวน 19 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านหนองบัว บ้านสวายสอ บ้านหนองกระทุ่ม บ้านปะคำสำโรง บ้านตูมน้อย บ้านตูมใหญ่ บ้านทุ่งสว่าง บ้านหนองดุม บ้านหนองตาด บ้านโนนเจริญ บ้านปะคำดง บ้านกรูด บ้านหนองไผ่ดง บ้านกระทุ่มนอก บ้านโคกสำราญ บ้านเมืองกับ บ้านแคนเจริญ บ้านหนองบัวพัฒนาและบ้านใหม่เจริญสุข ประมาณ 2,674 หลังคาเรือน แต่ก็ยังคงมีปัญหาในส่วนที่คุณภาพของน้ำประปายังคงไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควรซึ่งทางองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่จะได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการปรับปรุงในเรื่องระบบกรองน้ำให้ประชาชนได้ใช้น้ำประปาที่สะอาดและมีคุณภาพ อย่างไรก็ตามเนื่องจากบางหมู่บ้านประสบปัญหาการบริหารจัดการกิจการประปาหมู่บ้าน อันเนื่องจากการขาดแคลนงบประมาณในการบริหารจัดการ องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้เข้าร่วมประชุมประชาคมหมู่บ้านเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยที่ประชุมมีมติ ยกกิจการประปาให้กลับมาอยู่ในการดูแล
5.4 โทรศัพท์
ปัจจุบัน ได้มีการขยายเขตพื้นที่การให้บริการของโทรศัพท์พื้นฐาน และ INTERNET ความเร็วสูงในเขตพื้นที่ ทั้งจาก TOT CAT และระบบสื่อสารไร้สายจากภาคเอกชน TRUE DTAC AIS อย่างทั่วถึงและกว้างขวาง นอกจากนี้องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้ทำการติดตั้ง อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (ลีดส์ไลน์ อินเตอร์เน็ต) เพื่อการบริการผ่านระบบสนเทศภาครัฐ การบริการขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุออนไลน์ การจดทะเบียนพาณิชย์ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ GIS เวปไซต์องค์การบริการส่วนตำบล ศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนร้องทุกข์ และการเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นแนะนำผ่านทาง SOCIAL MEDIA หน่วยงาน รวมทั้งการพัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์แผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพย์สิน การบริการอินเตอร์เน็ตตำบล ผ่านระบบเครือข่ายไร้สาย (WIFI INTERNET)
5.5 ไปรษณีย์หรือการสื่อสารหรือการขนส่ง และวัสดุ ครุภัณฑ์
ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีที่ทำการไปรษณีย์ย่อยอยู่ที่บ้านโนนเจริญหมู่ที่ 10 รับและฝาก จดหมายและพัสดุ แต่หากต้องการรับบริการโทรเลขต้องเดินทางไปใช้บริการที่ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขอำเภอคูเมือง ตั้งอยู่ ถนนบุรีรัมย์–พุทไธสง ให้บริการไปรษณีย์โทรเลข จำหน่ายไปรษณีย์อากร บริการธนาณัติ พัสดุและตั๋วแลกเงินไปรษณีย์แก่ประชาชนทั่วไป
6.1 การเกษตร
ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้าง พื้นที่ส่วนใหญ่จึงเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เช่น ทำนา ทำไร่อ้อย และเริ่มมีพื้นที่ปลูกยางพาราเพิ่มขึ้นทุกปี มีการเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพ เช่นการเลี้ยงโค กระบือ การเลี้ยงเป็ดไก่ โดยการทำเกษตรกรรมคิดเป็นร้อยละ 85 ของประชากรทั้งหมดและมีอาชีพรับจ้างประมาณร้อยละ 10 ที่เหลือเป็นอาชีพอื่น ๆ และว่างงานประมาณร้อยละ 5
6.2 การปศุสัตว์
การปศุสัตว์ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ประชาชนส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพเสริม เช่น การเลี้ยงโค กระบือและสุกร ส่วนการเลี้ยงเป็ด ไก่ ส่วนมากจะเลี้ยงไว้บริโภคภายในครอบครัว
6.3 การบริการ
สถานประกอบการด้านบริการ
6.4 การอุตสาหกรรม
การประกอบการอุตสาหกรรมในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก เป็นลักษณะอุตสาหกรรมในครัวเรือน หรือเกิดจากการรวมกลุ่มของประชาชนผลิตสินค้าพื้นเมือง ซึ่งสามารถแยกประเภทได้ดังนี้
6.5 การพาณิชย์และกลุ่มอาชีพ
10.ร้านขายวัสดุก่อสร้าง จำนวน 2 แห่ง
6.6 แรงงาน
จำนวนประชากรแยกตามประเภทอาชีพ ปี 2559 ตามข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน ระดับตำบล พ.ศ. 2559 ณ เดือน พฤษภาคม 2559
ประเภทอาชีพ | เพศ | รวม | % | |||
ชาย | % | หญิง | % | |||
ทำนา | 2,016 | 44.42 | 2,098 | 45.77 | 4,114 | 45.09 |
ทำไร่ | 59 | 1.30 | 45 | 0.98 | 104 | 1.14 |
ทำสวน | 71 | 1.56 | 69 | 1.51 | 140 | 1.53 |
ประมง | – | – | – | – | – | – |
ปศุสัตว์ | – | – | 1 | 0.02 | 1 | 0.01 |
รับราชการเจ้าหน้าที่ของรัฐ | 114 | 2.51 | 131 | 2.86 | 245 | 2.69 |
พนักงานรัฐวิสาหกิจ | 13 | 0.29 | 8 | 0.17 | 21 | 0.23 |
พนักงานบริษัท | 19 | 0.42 | 19 | 0.41 | 38 | 0.42 |
รับจ้างทั่วไป | 1,145 | 25.23 | 1,019 | 22.23 | 2,164 | 23.72 |
ค้าขาย | 119 | 2.62 | 140 | 3.05 | 259 | 2.84 |
ธุรกิจส่วนตัว | 42 | 0.93 | 46 | 1.00 | 88 | 0.96 |
อาชีพ (นอกเหนือที่กล่าวแล้ว) | 68 | 1.50 | 128 | 2.79 | 196 | 2.15 |
กำลังศึกษา | 824 | 18.15 | 837 | 18.26 | 1,661 | 18.21 |
ไม่มีอาชีพ | 49 | 1.08 | 43 | 0.94 | 92 | 1.01 |
รวม | 4,539 | 100.00 | 4,584 | 100.00 | 9,123 | 100.00 |
กราฟแท่งที่ 4 แสดงจำนวนอาชีพต่อจำนวนประชากรในเขต อบต.ตูมใหญ่
ที่มา : ข้อมูล จากการสำรวจ จปฐ. ประจำปี 2559
7.1 ข้อมูลพื้นฐานของหมู่บ้านหรือชุมชน
ตารางแสดงจำนวนประชากรและจำนวนครัวเรือนแยกตามหมู่บ้าน ปี พ.ศ. 2559
บ้านหนองบัว | 1 | 293 | 308 | 601 | 151 |
บ้านสวายสอ | 2 | 244 | 239 | 483 | 141 |
บ้านหนองกระทุ่ม | 3 | 304 | 321 | 625 | 147 |
บ้านปะคำสำโรง | 4 | 400 | 385 | 785 | 178 |
บ้านตูมน้อย | 5 | 386 | 385 | 771 | 199 |
บ้านตูมใหญ่ | 6 | 330 | 373 | 703 | 231 |
บ้านทุ่งสว่าง | 7 | 445 | 435 | 880 | 212 |
บ้านหนองดุม | 8 | 535 | 541 | 1,076 | 305 |
บ้านหนองตาด | 9 | 333 | 297 | 630 | 202 |
บ้านโนนเจริญ | 10 | 386 | 358 | 744 | 184 |
บ้านปะคำดง | 11 | 429 | 427 | 856 | 211 |
บ้านกรูด | 12 | 222 | 233 | 455 | 119 |
บ้านหนองไผ่ดง | 13 | 249 | 236 | 485 | 146 |
บ้านกระทุ่มนอก | 14 | 321 | 304 | 625 | 141 |
บ้านโคกสำราญ | 15 | 239 | 205 | 444 | 136 |
บ้านเมืองกับ | 16 | 131 | 121 | 252 | 49 |
บ้านแคนเจริญ | 17 | 303 | 305 | 608 | 153 |
บ้านหนองบัวพัฒนา | 18 | 271 | 273 | 544 | 126 |
บ้านใหม่เจริญสุข | 19 | 301 | 328 | 629 | 135 |
รวม |
| 6,122 | 6,074 | 12,196 | 3,166 |
กราฟแท่งที่ 2 แสดงจำนวนประชากรแยกชายหญิง รายหมู่บ้าน ปี 2559
7.2 ข้อมูลด้านการเกษตร
ข้อมูลด้านการเกษตรของตำบลตูมใหญ่ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ จากระบบจัดเก็บและนำเสนอข้อมูล ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล โดยมีพื้นที่ในการทำการเกษตรทั้งหมด 37,950 ไร่ แบ่งพื้นที่ทำการเกษตร 37,950 ไร่ ดังนี้
7.3 ข้อมูลด้านแหล่งน้ำทางการเกษตร
พื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ประสบปัญหาความแห้งแล้งอยู่เป็นประจำทุกปี ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ก็ได้พยายามจัดสรรงบประมาณเพื่อขุดลอกลำห้วยและสระเก็บน้ำทุกปีแต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความแห้งแล้งให้หมดไปได้ ซึ่งคงจะต้องดำเนินการแก้ไขพัฒนาแหล่งน้ำทั้งระบบต่อไป ส่วนแหล่งน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันประกอบด้วย
7.4 ข้อมูลด้านแหล่งน้ำกิน น้ำใช้ (หรือน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค)
ในพื้นที่ตำบลตูมใหญ่ มีพื้นที่กักเก็บน้ำผิวดินสำหรับการผลิตประปาหมู่บ้าน คิดเป็นพื้นที่รวม 215.951 ไร่ มีพื้นที่เก็บกักน้ำและปริมาณน้ำ รวมประมาณ 983,740 ลูกบาศก์เมตร (ที่ระดับความลึก เฉลี่ย ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2-3 เมตร ตามปริมาณน้ำไหลเข้าสระ) เมื่อลบด้วยอัตราการระเหยและซึมลงสู้ใต้ดิน ที่อัตราเฉลี่ยประมาณ 1 เมตรใน 1 ปี จะมีปริมาณน้ำเหลือในสระ เก็บกับน้ำ ประมาณ 709,018 ลูกบาศก์เมตร ในขณะที่หมู่บ้านให้น้ำประปา เฉลี่ยประมาณวันละ 60-80 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน เมื่อครบ 12 เดือนจะมีปริมาณน้ำเหลือเก็บกัก 334,618 ลูกบาศก์เมตร โดยเมื่อลบด้วยประมาณน้ำที่ไม่สามารถนำมาผลิตประปาได้เนื่องจากน้ำมีความขุ่นข้นแต่มีขนาดใหญ่ ที่มีปริมาณ 154400 ลูกบาศก์เมตร จะมีน้ำที่เหลือไว้ใช้จริงในพื้นที่ตำเพียงประมาณ 180,218 ลูกบาศก์เมตร ภาพรวมทั้งตำบลจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาภัยแล้ง และคาดการณ์ได้ว่า หมู่บ้านที่อาจประสบปัญหาภัยแล้วรุนแรงในปี 2559 มี 3 หมู่บ้านคือ
แผนภูมิแท่งแสดงปริมาณทั้งปี น้ำละเหย น้ำผลิตประปา และน้ำคงเหลือเมื่อสิ้นปี
8.1 การนับถือศาสนา
ประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประมาณร้อยละ 99.50๐ ของประชากรทั้งหมด นอกนั้นนับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่มีวัดและสำนักสงฆ์ทั้งสิ้น 18 แห่ง
8.2 ประเพณีและงานประจำปี
ประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ที่มีการส่งเสริมและจัดงานเป็นประจำทุกปี เช่น ประเพณีทำบุญบั้งไฟ ประเพณีทอดกฐิน ประเพณีเข้าพรรษา ประเพณีออกพรรษา และประเพณีรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ ที่องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมในปี พ.ศ. 2548 เป็นปีแรก
8.3 ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภาษาถิ่น
ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความโดดเด่น คือ ทอผ้าไหม ผ้าไหมตีนแดง
ภาษาถิ่นที่ใช้มี ภาษาอีสาน ภาษาเขมร ภาษาส่วย
8.4 สินค้าพื้นมือและของที่ระลึก
ผ้าไหม ผ้าฝ้ายทอมือ เสื่อกก ข้าวหอมมะลิ
9.1 น้ำ
บ้าน | ขนาดสระ/หนองน้ำ/ไร่ | คิดเป็นลูกบาศก์เมตรที่ความลึกเฉลี่ย 2หรือ3 เมตร ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2558 | คิดปริมาณน้ำละเหย+ซึมที่ 1 เมตร ช่วงเดือนธันวา-เมษา | เงื่อนไขถ้าหมู่บ้านใช้น้ำวันละ 60-80 ลูกบาศก์เมตร | ความเสี่ยง ปริมาณน้ำเหลือเมื่อครบ 12 เดือน |
หนองบัว | 6.2287 | 19,932 | 9,966 | 21,600 | – 11,634 |
สวายสอ | 19.5625 | 62,600 | 31,300 | 28,800 | 2,500 |
หนองกระทุ่ม | 8.875 | 42,600 | 28,400 | 21,600 | 6,800 |
ประคำสำโรง | 9.5625 | 45,900 | 30,600 | 21,600 | 9,000 |
ตูมน้อย | 5.4875 | 26,340 | 17,560 | 21,600 | – 4,040 |
ตูมใหญ่ | 26.125 | 125,400 | 83,600 | 21,600 | ยังไม่ได้นำมาใช้ ขุ่น |
ทุ่งสว่าง | 12.1875 | 58,500 | 39,000 | 21,600 | 17,400 |
ทุ่งสว่าง | 35.625 | 171,000 | 114,000 | 21,600 | ยังไม่ได้นำมาใช้ ขุ่น |
หนองดุม | 12.3125 | 59,100 | 39,400 | 21,600 | 17,800 |
หนองตาด | 7.33 | 35,184 | 23,456 | 21,600 | 1,856 |
โนนเจริญ | 10.5625 | 50,700 | 33,800 | 21,600 | 12,200 |
ปะคำดง | 7.4375 | 35,700 | 23,800 | 21,600 | 2,200 |
กรูด | 2.1875 | 10,500 | 7,000 | 21,600 | – 14,600 |
หนองไผ่ดง | 8.83 | 42,384 | 28,256 | 21,600 | 6,656 |
กระทุ่มนอก | 25.125 | 120,600 | 80,400 | 21,600 | 58,800 |
โศกสำราญ | แหล่งน้ำเดียวกับ หมู่ที่ 2 | ||||
แคนเจริญ | 3.7625 | 30,100 | 24,080 | 21,600 | 2,480 |
หนองบัวพัฒนา | 14.75 | 23,600 | 11,800 | 21,600 | – 9,800.00 |
ใหม่เจริญสุข | แหล่งน้ำเดียวกับ หมู่ที่ 4 | ||||
รวม | 215.951 | 983,740 | 709,018 | 396,000 | 334,618 |
9.2 ป่าไม้
ตำบลตูมใหญ่มีพื้นที่ป่าในตำบลตูมใหญ่ ที่ได้ประกาศเป็นป่าชุมชน คือ ป่าชุมชนบ้านหนองตาด และยังมีพื้นที่ป่าที่องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ได้ดำเนินโครงการ รักน้ำ รักป่า รักษาแผ่นดิน ในพื้นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์บ้านตูมน้อย ในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้แก่ตำบลตูมใหญ่
9.3 ภูเขา
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ เป็นพื้นที่ราบสูงแต่ไม่ได้ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นภูเขา
9.3 คุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติ
ในเขตพื้นที่ของตำบลตูมใหญ่ มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญคือป่าชุมชน ซึ่งมีชนิดพันธุ์ไม้ที่สำคัญ อาธิ ไม้พยุง ทรัพยากรน้ำมีปัญหาในด้านน้ำหลากในฤดูฝน และคุณภาพน้ำขุ่น
ส่วนที่ 2
สรุปผลการพัฒนาท้องถิ่นตามแผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ.2557-2560)
1.1 สรุปสถานการณ์การพัฒนา การตั้งงบประมาณ การเบิกจ่ายงบประมาณ
ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้ประกาศใช้ข้อบัญญัติงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2556 โดยมีโครงการที่บรรจุอยู่ในข้อบัญญัติงบประมาณ จำนวน 72 โครงการ งบประมาณ 26,640,400 บาทสามารถจำแนกตามยุทธศาสตร์ ได้ดังนี้
ยุทธศาสตร์ | โครงการ | งบประมาณ |
การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ | 3 | 150,000.00 |
การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน | 29 | 11,356,700.00 |
ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิต | 21 | 12,486,200.00 |
การพัฒนาด้านการจัดระเบียบชุมชน สังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อย | 6 | 420,000.00 |
ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | 5 | 530,000.00 |
การบริหารราชการตามหลักธรรมาภิบาลและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน | 8 | 1,697,500.00 |
รวม | 72 | 26,640,400.00 |
แผนภูมิแสดงสัดส่วนการจัดทำข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี แยกตามยุทธศาสตร์
ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้ประกาศใช้ข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2558 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2557 โดยมีโครงการที่บรรจุอยู่ในข้อบัญญัติงบประมาณ จำนวน 93 โครงการ งบประมาณ 52,909,500 บาท สามารถจำแนกตามยุทธศาสตร์ ได้ดังนี้
ยุทธศาสตร์ | โครงการ | งบประมาณ |
ด้านบริหารจัดการตามหลักธรรมภิบาลและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน | 10 | 1,405,000.00 |
การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ | 6 | 822,500.00 |
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน | 43 | 23,863,300.00 |
การพัฒนาด้านคุณภาพชีวิต | 25 | 24,981,500.00 |
การพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | 1 | 90,000.00 |
การพัฒนาด้านความการจัดระเบียบชุมชน สังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อย | 8 | 1,747,200.00 |
รวม | 93 | 52,909,500.00 |
|
1.2 การประเมินผลการนำแผนพัฒนาท้องถิ่นไปปฏิบัติในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
ยุทธศาสตร์ | แผนการดำเนินการ | อนุมัติงบประมาณ | ลงนามสัญญา | เบิกจ่าย | 100% | |||||
จำนวน การ | งบ ประมาณ | จำนวน | งบ ประมาณ | จำนวน | งบ ประมาณ | จำนวน | งบ ประมาณ | จำนวน | งบ ประมาณ | |
1.การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ | 22.0 | 8.20 | 3.0 | 0.15 | 1.0 | 0.01 | 1.0 | 0.01 | 1.0 | 0.01 |
2.การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน | 37.0 | 20.95 | 29.0 | 11.36 | 29.0 | 7.76 | 29.0 | 7.76 | 29.0 | 7.76 |
3.ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิต | 28.0 | 11.88 | 21.0 | 12.49 | 17.0 | 11.76 | 17.0 | 11.76 | 17.0 | 11.76 |
4.การพัฒนาด้านการจัดระเบียบชุมชน สังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อย | 13.0 | 4.06 | 6.0 | 0.42 | 5.0 | 0.18 | 5.0 | 0.18 | 5.0 | 0.18 |
5.ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | 5.0 | 0.48 | 5.0 | 0.53 | 5.0 | 0.36 | 5.0 | 0.36 | 5.0 | 0.36 |
6.การบริหารราชการตามหลักธรรมาภิบาลและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน | 14.0 | 2.38 | 8.0 | 1.70 | 8.0 | 0.34 | 8.0 | 0.34 | 8.0 | 0.34 |
ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2557
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้ดำเนินการโครงการตามข้อบัญญัติงบประมาณ ปี 2557 ในเขตพื้นที่ โดยได้รับความร่วมมือ การส่งเสริมและสนับสนุนจากภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่ตลอดจนโครงการต่างๆ ประสบผลสำเร็จด้วยดี ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั้งในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญดังนี้
ยุทธศาสตร์ | แผนการดำเนินการ | อนุมัติงบประมาณ | ลงนามสัญญา | เบิกจ่าย | 100% | |||||
จำนวน | งบประมาณ | จำนวน | งบประมาณ | จำนวน | งบประมาณ | จำนวน | งบประมาณ | จำนวน | งบประมาณ | |
1.ด้านบริหารจัดการตามหลักธรรมภิบาลและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน | 21.0 | 9.49 | 10.0 | 1.40 | 7.0 | 0.37 | 7.0 | 0.37 | 7.0 | 0.37 |
2.การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ | 18.0 | 3.21 | 6.0 | 0.82 | 3.0 | 0.68 | 3.0 | 0.68 | 3.0 | 0.68 |
3.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน | 69.0 | 24.14 | 43.0 | 23.86 | 43.0 | 22.09 | 39.0 | 21.43 | 37.0 | 17.74 |
4.การพัฒนาด้านคุณภาพชีวิต | 33.0 | 22.60 | 25.0 | 24.98 | 17.0 | 23.97 | 17.0 | 23.97 | 17.0 | 23.97 |
5.การพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | 9.0 | 0.78 | 1.0 | 0.09 | 0.0 | 0.00 | 0.0 | 0.00 | 0.0 | 0.00 |
6.การพัฒนาด้านความการจัดระเบียบชุมชน สังคมและการรักษาความสงบเรียบร้อย | 16.0 | 3.16 | 8.0 | 1.75 | 8.0 | 1.12 | 8.0 | 1.12 | 8.0 | 1.12 |
ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2558
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้ดำเนินการโครงการตามข้อบัญญัติงบประมาณ ปี 2558 ในเขตพื้นที่ โดยได้รับความร่วมมือ การส่งเสริมและสนับสนุนจากภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่ตลอดจนโครงการต่างๆ ประสบผลสำเร็จด้วยดี ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั้งในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง โดยมีผลการดำเนินงานที่สำคัญดังนี้
1.โครงการขยายเขตไฟฟ้า หมู่ที่ 1-19
2. โครงการฝึกอบรมบุคคลากร
3. โครงการอินเตอร์เน็ตตำบล
4. โครงการจัดหาครุภัณฑ์สำนักงาน
5. โครงการประชุมประชาคมหมู่บ้าน ประชาคมตำบล
6. โครงการปรับปรุงศูนย์ข้อมูลข่าวรับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์
7. โครงการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
นายนที-นางสาชิยา
2.1 ผลที่ได้รับหรือผลที่สำคัญ
ยุทธศาสตร์ | จำนวนโครงการที่ปรากฏอยู่ในแผน | จำนวนโครงการ ที่ได้ปฏิบัติ |
1.ยุทธศาสตร์การสร้างมูลค่าเพิ่มทางการเกษตรการค้าและอุตสาหกรรมการเกษตรที่สมดุล | 22 | 3 |
2. การพัฒนาคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมีคุณธรรมนำความรู้และเกิดความผาสุก | 37 | 29 |
3. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม | 28 | 21 |
4. ยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งชุมชนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง | 13 | 6 |
5. ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ | 5 | 5 |
6.ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างธรรมาภิบาลและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี | 14 | 8 |
รวม | 119 | 72 |
2.2 ผลกระทบ
ความพึงพอใจ | พอใจมาก | พอใจ | ไม่พอใจ |
1. มีการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการ / กิจกรรม | 37.98 | 59.49 | 2.53 |
2. มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลของโครงการ / กิจกรรม | 36.71 | 59.49 | 3.80 |
3. มีการเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นในโครงการ / กิจกรรม | 32.91 | 63.29 | 3.80 |
4. มีการรายงานผลการดำเนินงานของโครงการ / กิจกรรมต่อสาธารณะ | 32.91 | 63.29 | 3.80 |
5. การเปิดโอกาสให้ประชาชนตรวจสอบการดำเนินโครงการ / กิจกรรม | 27.85 | 63.29 | 8.86 |
6. การดำเนินงานเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด | 35.44 | 60.76 | 3.80 |
7. ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรมนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประชาชนในท้องถิ่น | 27.85 | 62.02 | 10.13 |
8. การแก้ไขปัญหา และการตอบสนองความต้องการของประชาชน | 25.32 | 69.62 | 5.06 |
9. ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับจากการดำเนินโครงการ / กิจกรรม | 31.65 | 65.82 | 2.53 |
ภาพรวม | 32.07 | 63.01 | 4.92 |
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้ปฏิบัติทุกขั้นตอนตามประเด็นการประเมินการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ขององค์การบริหารส่วนตำบลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา จำนวน 6 ยุทธศาสตร์ มีโครงการ/กิจกรรม จำนวน 166 โครงการ เงินงบประมาณ 63,386,000.00 บาท และได้นำมาจัดทำเป็นข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 จำนวน 93 โครงการคิดเป็นร้อยละ 56.02 ของจำนวนโครงการทั้งสิ้น
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ได้ดำเนินการโครงการ/กิจกรรมต่างๆ แล้วเสร็จ จำนวน 78 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 46.98 โครงการ/กิจกรรมที่ยังไม่ได้ดำเนินการ จำนวน 88 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 53.01 โครงการ/กิจกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการร้อยละ 0 และโครงการ/กิจกรรมที่มีการยกเลิกร้อยละ 0 จากการติดตามปรากฏว่ายุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านคุณภาพชีวิต มีสัดส่วนการดำเนินการแล้วสำเร็จมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 75.76 ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มีสัดส่วนการดำเนินการแล้วเสร็จรองลงมา คิดเป็นร้อยละ 62.32 แต่ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีสัดส่วนการดำเนินการแล้วเสร็จน้อยที่สุด คิดเป็นร้อยล่ะ 11.11 (รายละเอียดดังแผนภาพที่ 1)
แผนภาพที่ 1 ร้อยละของผลการดำเนินงาน
|
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีการก่อหนี้ผูกพัน/ลงนามในสัญญา จำนวน 78 โครงการ มีการเบิกจ่ายงบประมาณไปทั้งสิ้น จำนวน 74 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 94.87 ของโครงการที่ก่อหนี้ผูกพันทั้งหมด (รายละเอียดดังแผนภาพที่ 2)
แผนภาพที่ 2 ร้อยละของการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 2558
จากการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ จำนวน 19 หมู่บ้าน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างตามแบบสอบถาม ที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด จำนวน 79 ชุด โดยส่งแบบสอบถามไปยังประชาชนในตำบลตูมใหญ่ ซึ่งแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 7 แบบ ดังนี้
ตามยุทธศาสตร์การดำเนินการพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่
แผนภาพที่ 3 ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานขององค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ในภาพรวม
ปัญหา
จากการพิจารณาการดำเนินงานตามแผนดำเนินงาน พบว่าองค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ มีการจัดสรรงบประมาณในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่แตกต่างกันมาก เช่น ยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดูแลที่สาธารณะป้องกันแนวป่ารักษาต้นไม้เพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกัน มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินกิจกรรมตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาน้อยที่สุด
ข้อเสนอแนะ
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ควรจัดสรรงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์ทุกด้าน และให้มีความแตกต่างกัน
จำนวนโครงการที่ไม่ได้ดำเนินการ มีมากถึงร้อยละ 53.01 ซึ่งส่งผลกระทบต่อร้อยละของโครงการที่ได้ปฏิบัติ ปัญหานี้อาจเกิดจากการจัดทำแผนพัฒนาที่ไม่ชัดเจนตรงตามความต้องการของหมู่บ้านอย่างแท้จริง ด้วยประชาชนอาจไม่กล้าแสดงความคิดเห็น และไม่เห็นความสำคัญของการจัดทำแผน
ประชาชนไม่ให้ความสำคัญในการให้ข้อมูล
องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ ควรมีการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานของตนเองให้ประชาชนทราบมากกว่าที่ดำเนินการอยู่ และสร้างความรู้ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลให้ประชาชนและผู้นำชุมชนทราบ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการองค์กร
ส่วนที่ 3
ยุทธศาสตร์องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1.1 แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579)
คณะรัฐมนตรีไดมีมติเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 เห็นชอบใหมีการจัดตั้งคณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตรชาติ มีอํานาจหนาที่ในการจัดทํารางยุทธศาสตรชาติระยะ 20 ปเพื่อใชในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสูความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนและใหเสนอรางยุทธศาสตรชาติระยะ 20 ปใหคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหความเห็นชอบเพื่อใชเปนกรอบในการดําเนินงานในระยะที่ 2 ของรัฐบาล (ป 2558-2559) และกรอบการปฏิรูปในระยะที่ 3 (ป 2560 เปนตนไป) คณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตรชาติไดแตงตั้งคณะอนุกรรมการ 2 คณะ ไดแก (1) คณะอนุกรรมการจัดทํายุทธศาสตรและกรอบการปฏิรูป เพื่อจัดทํารางกรอบยุทธศาสตรชาติระยะ 20 ปและ (2) คณะอนุกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการตามแนวทางการปฏิรูปประเทศ เพื่อจัดทํารางแผนปฏิบัติการตามแนวทางการปฏิรูปประเทศ (Roadmap) ภายใตยุทธศาสตรชาติระยะ 20 ปคณะอนุกรรมการจัดทํายุทธศาสตรและกรอบการปฏิรูป ไดดําเนินการยกรางกรอบยุทธศาสตรชาติระยะ 20 ปตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีกําหนด โดยไดมีการนําความคิดเห็นและขอเสนอแนะจากกรรมการจัดทํายุทธศาสตรชาติที่มาจากหลายภาคสวน ไดแก ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคการเมือง และ นักวิชาการรวมถึงไดพิจารณานําขอคิดเห็นจากสภาปฏิรูปแหงชาติ และความคิดเห็นจากภาคประชาชนมาเปนขอมูลในการยก รางยุทธศาสตรชาติดวย และไดนําเสนอรางกรอบยุทธศาสตรชาติระยะ 20 ป ตอที่ประชุมคณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตรชาติซึ่งขณะนี้อยูระหวางการดําเนินการปรับปรุงรางกรอบยุทธศาสตรชาติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตรชาติ
ในการดําเนินการขั้นตอไป คณะกรรมการจัดทํายุทธศาสตรชาติจะนําเสนอรางกรอบยุทธศาสตรชาติเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและจะไดมีการรับฟงความคิดเห็นจากประชาชน กอนที่จะนําเสนอ ตอสภานิติบัญญัติแหงชาติใหความเห็นชอบกรอบยุทธศาสตรชาติมาใชเปนกรอบในการกําหนดทิศทางในการบริหารประเทศภายในเดือนตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเปนชวงเวลาของการประกาศใชแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ฉบับที่ 12 (ตุลาคม 2559 – กันยายน 2564) นอกจากนี้หนวยงานตางๆ จะไดนําแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติซึ่งเปนแผนระยะ 5 ปมาถายทอดลงสูแผนปฏิบัติการระดับกระทรวงและแผนพัฒนารายสาขา ในระหวางที่กลไกการจัดทํายุทธศาสตรชาติตามรางรัฐธรรมนูญฉบับใหมอยูระหวางการดําเนินการซึ่งคาดวาจะดําเนินการแลวเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2560
การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นสี่ปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความสัมพันธ์กับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยมุ่งเน้นเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างการเสนอร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติต่อที่ประชุมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับปรุงร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติ โดยร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) สรุปย่อได้ ดังนี้
วิสัยทัศน “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เปนประเทศพัฒนาแลวดวยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
หรือเปนคติพจนประจําชาติวา “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ทั้งนี้วิสัยทัศนดังกลาวจะตองสนองตอบ ตอผลประโยชนแหงชาติ อันไดแก การมีเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแหงเขตอํานาจรัฐ การดํารงอยูอยางมั่นคง ยั่งยืนของสถาบันหลักของชาติ การดํารงอยูอยางมั่นคงของชาติและประชาชนจากภัยคุกคามทุกรูปแบบ การอยูรวมกันในชาติอยางสันติสุขเปนปกแผนมีความมั่นคงทางสังคมทามกลางพหุสังคมและการมีเกียรติและศักดิ์ศรีของความเปนมนุษย ความเจริญเติบโตของชาติ ความเปนธรรมและความอยูดีมีสุขของประชาชนควายั่งยืนของฐานทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอม ความมั่นคงทางพลังงานและอาหารความสามารถในการรักษาผลประโยชนของชาติภายใตการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดลอมระหวางประเทศและการอยูรวมกันอยางสันติประสานสอดคลองกัน ดานความมั่นคงในประชาคมอาเซียนและประชาคมโลกอยางมีเกียรติและศักดิ์ศรีไม่ เปนภาระของโลกและสามารถเกื้อกูลประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ดอยกวา
ในการที่จะบรรลุวิสัยทัศนและทําใหประเทศไทยพัฒนาไปสูอนาคตที่พึงประสงคนั้น จําเปนจะตองมีการวางแผนและกําหนดยุทธศาสตรการพัฒนาในระยะยาวและกําหนดแนวทางการพัฒนาของทุกภาคสวนใหขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นจึงจําเปนจะตองกําหนดยุทธศาสตรชาติในระยะยาว เพื่อถายทอดแนวทางการพัฒนาสูการปฏิบัติในแตละชวงเวลาอยางตอเนื่องและมีการบูรณาการ และสรางความเขาใจถึงอนาคตของประเทศไทยรวมกัน และเกิดการรวมพลังของทุกภาคสวนในสังคมทั้งประชาชน เอกชน ประชาสังคม ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อการสรางและรักษาไวซึ่งผลประโยชนแหงชาติและบรรลุวิสัยทัศน“ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เปนประเทศพัฒนาแลว ดวยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” หรือคติพจนประจําชาติ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อใหประเทศมีขีดความสามารถในการแขงขัน มีรายไดสูงอยูใน กลุมประเทศพัฒนาแลว คนไทยมีความสุข อยูดีกินดีสังคมมีความมั่นคง เสมอภาคและเปนธรรม ซึ่งยุทธศาสตรชาติที่จะใชเปนกรอบแนวทางการพัฒนาในระยะ 20 ปตอจากนี้ไป จะประกอบดวย 6 ยุทธศาสตร ไดแก
(1) ยุทธศาสตรดานความมั่นคง
(2) ยุทธศาสตรดานการสรางความสามารถในการแขงขัน
(3) ยุทธศาสตรการพัฒนาและเสริมสรางศักยภาพคน
(4) ยุทธศาสตรดานการสรางโอกาสความเสมอภาคและเทาเทียมกันทางสังคม
(5) ยุทธศาสตรดานการสรางการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม และ
(6) ยุทธศาสตรดานการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ
1.2 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
การพัฒนาประเทศในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 จะมุ่งบรรลุเป้าหมายในระยะ 5 ปีที่จะสามารถต่อยอดในระยะต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาระยะยาวตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยมีหลักการสำคัญของแผนฯ ดังนี้
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 กำหนดเป้าหมายในด้านต่างๆ ในช่วงเวลา 5 ปี โดยคำนึงถึงการดำเนินการต่อยอดต่อไปแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 14 และ 15 เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และในขณะเดียวกันแผนพัฒนาฯ ฉบับนี้จัดทำเป้าหมายและตัวชี้วัดในรายละเอียดมากกว่าในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ผ่านมาเพื่อให้กำกับและเชื่อมโยงกับการกำหนดเป้าหมายในแผนระดับรองและแผนปฏิบัติการต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น โดยการจัดสรรงบประมาณและแผนปฏิบัติการต่างๆ ต้องแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงจากเป้าหมายที่เป็นผลสัมฤทธิ์ ผลลัพธ์หลักๆ กับผลผลิตในระดับแผนงานและโครงการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแต่ละกลุ่มบูรณาการของการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงความเชื่อมโยงถึงตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของภาครัฐ ทั้งนี้ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ได้ตั้งเป้าหมายในมิติหลักๆ ประกอบด้วย (1) คนไทยที่มีคุณลักษณะเป็นคนไทยที่สมบูรณ์ มีวินัย มีทัศนคติและพฤติกรรมตามบรรทัดฐานที่ดีของสังคม มีความเป็นพลเมืองตื่นรู้ มีความสามารถในการปรับตัวได้อย่างรู้เท่าทันสถานการณ์ มีความรับผิดชอบและทำประโยชน์ต่อส่วนร่วม มีสุขภาพกายและใจที่ดีมีความเจริญงอกงามทางจิตวิญญาณ มีวิถีชีวิตที่พอเพียง มีความเป็นไทย (2) การลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้และความยากจน การเข้าถึงบริการทางสังคมที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง กลุ่มที่มีรายได้ต่ำสุดร้อยละ 40 มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 15 (3) ระบบเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งและแข่งขันได้ โครงสร้างเศรษฐกิจปรับสู่เศรษฐกิจฐานบริการและดิจิทัล มีผู้ประกอบการรุ่นใหม่และเป็นสังคมผู้ประกอบการ และมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่เข้มแข็งสามารถใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างสรรค์คุณค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งมีระบบการผลิตและให้บริการจากฐานรายได้เดิมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพและมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5 ต่อปีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2579 (4) ทุนทางธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อมสามารถสนับสนุนการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความมั่นคงอาหาร พลังงาน และน้ำ โดยเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงานและขนส่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 7 ภายในปี 2563 เทียบกับการปล่อยในกรณีปกติ มีปริมาณ หรือสัดส่วนของขยะมูลฝอยที่ได้รับการจัดการอย่างถูกหลักสุขาภิบาลเพิ่มขึ้น และรักษาคุณภาพน้ำและคุณภาพอากาศในพื้นที่วิกฤตอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน (5) มีความมั่นคงในเอกราชและอธิปไตย สังคมปลอดภัยสามัคคี สร้างภาพลักษณ์ดี และเพิ่มความเชื่อมั่นของนานาชาติต่อประเทศไทย ความขัดแย้งทางอุดมการณ์และความคิดในสังคมลดลง ปัญหาอาชญากรรมลดลง ประเทศไทยมีส่วนร่วมในการกำหนดบรรทัดฐานระหว่างประเทศ เป็นต้น และ (6) มีระบบบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ ทันสมัย โปร่งใสตรวจสอบได้ กระจายอำนาจและมีส่วนร่วมจากประชาชน บทบาทภาครัฐในการให้บริการซึ่งภาคเอกชนดำเนินการแทนได้ดีกว่าลดลง เพิ่มการใช้ระบบดิจิตัลในการให้บริการ ปัญหาคอร์รัปชั่นลดลง และการบริหารจัดการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอิสระขึ้นเป้าหมายทั้ง 6 กลุ่มหลักภายใต้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 สะท้อนถึงเป้าหมายการขับเคลื่อนการพัฒนาตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และเป้าหมายในระยะยาวภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องบรรลุภายในระยะเวลา 20 ปี คือ “เศรษฐกิจและสังคมไทยมีการพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืนบนฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน สังคมไทยเป็นสังคมที่เป็นธรรมมีความเหลื่อมล้ำน้อย คนไทยเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เป็นพลเมืองที่มีวินัย ตื่นรู้และเรียนรู้ได้ด้วยตนเองตลอดชีวิต มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ มีความเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณ มีจิตสาธารณะและทำประโยชน์ต่อส่วนรวม มีความเป็นพลเมืองไทย พลเมืองอาเซียน และพลเมืองโลก ประเทศไทยมีบทบาทที่สำคัญในเวทีนานาชาติ ระบบเศรษฐกิจตั้งอยู่บนฐานของการใช้นวัตกรรมนำดิจิทัล สามารถแข่งขันในการผลิตได้และค้าขายเป็น มีความเป็นสังคมประกอบการ มีฐานการผลิตและบริการที่มีคุณภาพและรูปแบบที่โดดเด่นเป็นที่ต้องการในตลาดโลก เป็นฐานการผลิตและบริการที่สำคัญ เช่น การให้บริการคุณภาพทั้งด้านการเงิน ระบบโลจิสติกส์ บริการด้านสุขภาพและท่องเที่ยวคุณภาพ เป็นครัวโลกของอาหารคุณภาพและปลอดภัย เป็นฐานอุตสาหกรรมและบริการอัจฉริยะที่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้นวัตกรรม ทุนมนุษย์ทักษะสูงและเทคโนโลยีอัจฉริยะ มาต่อยอดฐานการผลิตและบริการที่มีศักยภาพในปัจจุบันและพัฒนาฐานการผลิตและบริการใหม่ ๆ เพื่อน าประเทศไทยไปสู่การมีระบบเศรษฐกิจ สังคม และประชาชนที่มีความเป็นอัจฉริยะได้ในระยะยาว”
สำหรับยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมฉบับที่ 12 ถูกกำหนดจากยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้านภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และกำหนดเป็นแนวทางในรายละเอียดที่แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องและการตอบสนองต่อเป้าหมายที่ต้องบรรลุในระยะ 5 ปี ที่จะเป็นการวางพื้นฐานที่สามารถสานต่อการพัฒนาในประเด็นสำคัญของประเทศในระยะต่อไปที่สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยใช้หลักของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงนำทาง ทั้งนี้ภายใต้ยุทธศาสตร์ทั้ง 10 ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาครอบคลุมรายละเอียดที่ตอบสนองต่อ จุดเน้นประเด็นหลักของการพัฒนาในระยะ 5 ปีและมุ่งต่อยอดผลสัมฤทธิ์ในแผนพัฒนาฯ ฉบับต่อ ๆ ไป โดยจะต้องต่อยอดให้เกิดความต่อเนื่องของการขับเคลื่อนการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานและการแก้ปัญหาสำคัญที่เป็นรากเหง้าของปัญหาต่าง ๆ และประเด็นปฏิรูปประเทศให้ลุล่วง รวมทั้งประเด็นร่วมที่มีความเชื่อมโยงกับหลากหลายประเด็นการพัฒนาที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อเนื่องกันไปตลอด 20 ปียุทธศาสตร์ที่กำหนดในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 มีจำนวน 10 ยุทธศาสตร์ซึ่งมีรายละเอียดมากกว่าในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภายใต้สถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นการยากในการที่จะกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาในรายละเอียดที่ชัดเจนในแผนพัฒนาระยะยาวเช่นยุทธศาสตร์ชาติได้ ยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาจำเป็นต้องมีการกำหนดและปรับปรุงให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและปัจจัยแวดล้อมในช่วงเวลานั้น ๆ จึงจะสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุดังกล่าวยุทธศาสตร์ชาติจึงเป็นการกำหนดกรอบที่เป็นประเด็นหลักของการพัฒนาประเทศที่ครอบคลุมมิติต่างๆ ซึ่งสะท้อนทั้งในเรื่องการพัฒนาฐานการผลิตและบริการ การพัฒนากลุ่มเป้าหมาย และการพัฒนาในเรื่องกลไกและกฎระเบียบ รวมทั้งการพัฒนาทุนมนุษย์ ภายใต้การกำหนดและการยึดหลักการสำคัญของการพัฒนา ดังนั้น ยุทธศาสตร์การพัฒนาในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 จึงประกอบด้วยยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์ (2) ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมลดความเหลื่อมล้ำในสังคม (3) ยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน (4) ยุทธศาสตร์การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (5) ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความ มั่งคั่งและยั่งยืน และ (6) ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการในภาครัฐ การปูองกันการทุจริตประพฤติมิชอบและ ธรรมาภิบาลในสังคมไทย และประกอบกับอีก 4 ยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์และกลไกสนับสนุนให้การดำเนินยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ด้านให้สัมฤทธิ์ผล ประกอบด้วย (7) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ (8) ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม (9) ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ และ (10) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกก้าวหนึ่งสำหรับการเชื่อมต่อกับการแปลงแผนสู่การปฏิบัตินั่นคือ แผนพัฒนาฯ ฉบับนี้ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาในรายละเอียดที่จะเชื่อมต่อถึงการปฏิบัติโดยได้กำหนดแผนงาน/โครงการกลุ่มสำคัญๆ ที่ต้องดำเนินการในระดับแผนงานและโครงการสำคัญ(Flagship Program) ในช่วง 5 ปีแรกของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติโดยใช้กลไกแผนเฉพาะด้าน ยุทธศาสตร์กระทรวง แผนการพัฒนาภาค แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และแผนปฏิบัติการประจำปีของหน่วยงานต่างๆ ในการขับเคลื่อนตามแนวยุทธศาสตร์นั้นๆ ให้บรรลุผล โดยจะต้องมีการจัดสรรงบประมาณแบบบูรณาการประเด็นการพัฒนาและเชิงพื้นที่และมีการกำหนดตัวชี้วัดในการติดตามและประเมินผลที่เป็นระบบที่สามารถสะท้อนถึงผลลัพธ์และผลสัมฤทธิ์ของการพัฒนาได้อย่างแท้จริง ซึ่งในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ระบบงบประมาณและการบริหารจัดการงบประมาณแผ่นดิน กฎระเบียบเรื่องวินัยการเงินการคลังภาครัฐ และระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพื่อการรองรับความท้าทายในการพัฒนา ในขณะเดียวกันแนวทางการพัฒนาซึ่งเป็นรายละเอียดภายใต้ยุทธศาสตร์ทั้ง 10 ยุทธศาสตร์นั้นได้กำหนดให้ครอบคลุมในหลากหลายประเด็นและแนวทางการพัฒนาเฉพาะด้านซึ่งหน่วยงานรับผิดชอบได้กำหนดไว้แล้วภายใต้แผนเฉพาะด้านหรือกำลังดำเนินการ ทั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อการบูรณาการประเด็นการพัฒนาและเพื่อสนับสนุนให้เกิดการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเกิดการต่อยอดให้สามารถดำเนินการได้สัมฤทธิ์ผล นอกจากนี้แผน พัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ก็ได้กำหนดประเด็นและแนวทางที่สนับสนุนการขับเคลื่อนประเด็นการปฏิรูปประเทศที่สภาปฏิรูปแห่งชาติและสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปได้เสนอ โดยมุ่งเน้นในเรื่องที่มีความชัดเจนและต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ไป ซึ่งนับว่าเป็นทั้งช่วงเวลาสำคัญของการปฏิรูปประเทศและวางรากฐานเพื่อการพัฒนาในระยะยาวให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
กรอบวิสัยทัศน์แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12
จากสถานะของประเทศและบริบทการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่ประเทศกำลังประสบอยู่ทีให้การกำหนดวิสัยทัศน์แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ยังคงมีความต่อเนื่องจากวิสัยทัศน์แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 11 และกรอบหลักการของการวางแผนที่น้อมนำและประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ยึดคนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม การพัฒนาที่ยึดหลักสมดุล ยังยืน
โดยวิสัยทัศน์ของการพัฒนาในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดทิศทางการพัฒนาที่มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านประเทศไทยจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง มีความมั่นคง และยั่งยืน สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และนำไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาว “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของประเทศ
การกำหนดตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของประเทศ (Country Strategic Positioning) เป็นการกำหนดตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่ สศช. ได้จัดทำขึ้น
ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูงที่มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม เป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาคสู่ความเป็นชาติการค้าและบริการ (Trading and Service Nation) เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย แหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และมีนวัตกรรมสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ยุทธศาสตร์
เป็นการวางแผนในลักษณะของการถ่ายทอดยุทธศาสตร์ระยะยาว 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ลงสู่การปฏิบัติในช่วงเวลา 5 ปี โดยกำหนดยุทธศาสตร์ให้ตอบสนองกับบริบทการพัฒนาที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีแรกของยุทธศาสตร์ 20 ปี เป็นสำคัญ โดยมีทั้งหมด 10 ยุทธศาสตร์ ดั้งนี้
1) ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์
2) ยุทธศาสตร์การสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
3) ยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
4) ยุทธศาสตร์การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
5) ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคั่งและยั่งยืน
6) ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการในภาครัฐ การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ และธรรมาภิบาลในสังคมไทย
7) ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์
8) ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม
9) ยุทธศาสตร์การพัฒนาภค เมือง และพื้นที่เศรษฐกิจ
10) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนา
1.3 แผนพัฒนาภาค/แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด/แผนพัฒนาจังหวัด
แผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
แผนพัฒนาภาค เป็นแผนที่ยึดกระบวนการที่มีส่วนร่วมของของทุกส่วนจากทุกจังหวัดทั้ง 4 ภูมิภาคขึ้น เพื่อสนับสนุนจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้สามารถใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาภูมิภาค จัดทำโดยสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่สมดุล ยึดแนวคิดการพัฒนาตาม “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยประกอบไปด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคเหนือ ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคกลวง ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์นั้นตั้งอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจัดทำแผนพัฒนาสี่ปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ต้องมีความสัมพันธ์กับแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านการเกษตร การท่องเที่ยว การค้าการลงทุน การพัฒนาคนให้มีความสุขภาวะดีทั้งร่างกาย จิตใจและสติปัญญา รอบรู้ เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถดำรงชีพได้อย่างมีคุณภาพสร้างความมั่นคงด้านอาหาร แก้ไขปัญหาความยากจน หนี้สิน และการออกของครัวเรือน มีสัมมาอาชีพที่มั่นคงสามารถพึ่งตนเองและดูแลครอบครัวได้อย่างอบอุ่น ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สมบูรณ์ซึ่งแผนพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีรายละเอียดสรุปย่อดังนี้
กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาค
ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 มาตรา 53/1 และมาตรา53/2 บัญญัติให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และตอบสนองความต้องการองประชาชนในท้องถิ่น สำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จึงได้จัดทำกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคที่ยึดกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนจากทุกจังหวัดทั้ง 4 ภูมิภาคขึ้น เพื่อสนับสนุนจังหวัดและกลุ่มจังหวัดให้สามารถใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด
ภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สภาพแวดล้อมภายนอกเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ เป็นผลให้จำเป็นต้องเตรียมการรับรองการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้เหมาะสม การพัฒนาที่สมดุลดังนั้นจึงกำหนดทิศทางการพัฒนาพื้นที่ของประเทศ ดังนี้
2.1.1 พัฒนาพื้นที่เชื่อมโยงทางเศรษฐกิจตามแนวตะวันออก – ตะวันตก ( East West Economic Corridor) เช่น พื้นที่เขตเศรษฐกิจแม่สอด-สุโขทัย-พิษณุโลก-ขอนแก่น-ขอนแก่น-มุกดาหาร แนวสะพานเศรษฐกิจพื้นที่อรัญเทศ-สระแก้ว-ปราจีนบุรี พื้นที่เศรษฐกิจ ระนอง-ชุมพร-บางสะพาน แนวสะพานเศรษฐกิจพังงา-กระบี่-สุราษฎร์ธานี-นครศรีธรรมราช และแนวสะพานเศรษฐกิจสตูล-สงขลา
2.1.2 พัฒนาพื้นที่เชื่อมโยงทางเศรษฐกิจตามแนวเหนือใต้( North South Economic Corridor) แนวเศรษฐกิจเชียงของ-เชียงราย-พิษณุโลก-นครสวรรค์-จังหวัดปริมณฑล แนวเศรษฐกิจหนองคาย-อุดรธานี- ขอนแก่น-นครราชสีมา-จังหวัดปริมณฑล พื้นที่แหลมฉบัง-ชลบุรี-ฉะเชิงเทรา-สระแก้ว-บุรีรัมย์มุกดาหาร
2.2 พัฒนาบริการพื้นฐานของชุมชนเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจเชื่อมโยงระหว่างประเทศโดยเน้นที่ชุมชนตามแนวเขตเศรษฐกิจเหนือ-ใต้และตะวันออก-ตะวันตก โดยเฉพาะชุมชนเศรษฐกิจชายแดน
2.3 พัฒนาระบบโลจิสติกส์และโครงข่ายคมนาคม ขนส่งเพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงพื้นที่ เช่น การพัฒนาระบบราง เพิ่มประสิทธิ์ภาพการขนส่งทางน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงการคมนาคมบริเวณจุดตัดเช่น พิษณุโลก และขอนแก่น
2.4 สร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศให้ยั่งยืน ได้แก่ พัฒนาแหล่งน้ำให้พอเพียงต่อการเกษตร พัฒนาสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม และการจัดให้มีการจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ
3.1 ยุทธศาสตร์การพัฒนา
(1) เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจ โดยการยกมาตรฐานและประสิทธิภาพการผลิตการเกษตร การพัฒนาศักยภาพการประกอบการด้านอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมบริการและการท่องเที่ยว การตั้งองค์กรร่วมภาครัฐและเอกชนระดับพื้นที่เพื่อส่งเสริมอำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน และส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
(2) สร้างคนให้มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาให้คนมีสุขภาวะดีทั้งร่างกาย จิตใจและสติปัญญา รอบรู้ เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถดำรงชีพได้อย่างมีคุณภาพ
(3) สร้างสังคมและเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร แก้ไขปัญหาความยากจน หนี้สิน และการออมของครัวเรือน มีสัมมาชีพที่มั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองและดูแลครอบครัวได้อย่างอบอุ่น
(4) ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สมบูรณ์ โดยเร่งอนุรักษ์และฟื้นฟูที่ป่าไม้ให้ได้ 15.9 ล้านไร่ หรือร้อยละ 25 ของพื้นที่ภาค ป้องกันการบุกรุกพื้นที่ชุ่มน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำและระบบชลประทานฟื้นฟูดิน ยับยั้งการแพร่กระจายดินเค็ม และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการโดยส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์
3.2 ทิศทางการพัฒนากลุ่มจังหวัดและจังหวัด
(1)กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วยอุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู (และเลย) เน้นการฟื้นฟูระบบนิเวศน์เพื่อรักบาสมดุลธรรมชาติ การปรับโครงสร้างการผลิตด้านการเกษตรการส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
(2)กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย สกลนคร นครพนม และมุกดาหารเน้นให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อบ้าน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าการเกษตรส่งเสริมพื้นที่ชลประทาน การทำปศุสัตว์โดยเฉพาะโคเนื้อ
(3) กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ประกอบด้วย ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคามและร้อยเอ็ด เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองรับรองการเป็นศูนย์กลางการค้าบริการและการลงทุนของภาค การใช้พื้นที่ชลประทานให้เกิดประโยชน์สูงสุด การทำการเกษตรก้าวหน้า การเตรียมการรับรองอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (Ethanol) ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
(4) กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างประกอบด้วย นคราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ มุ่งเน้นการพัฒนาระบบชลประทานให้เต็มศักยภาพ การเตรียมการรองรับอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน(Ethanol) พัฒนาการท่องเที่ยวทั้งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และอารยธรรมขอมด้วยการสร้างคุณค่าเพิ่มและการพัฒนาเส้นทาง
(5) กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ มุ้งเน้นการพัฒนาแหล่งน้ำ และระบบบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและขาดแคลนน้ำการสร้างงานและรายได้จากการท่องเที่ยวให้มากขึ้น
3.3 โครงการที่สำคัญ (Flagship Project)
(1) โครงการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ทุ่งกุลาร้องไห้เพื่อการส่งออก
(2) โครงการพัฒนาเมืองมุกดาหารเป็นประตูสู่อินโดจีน
(3) โครงการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวอารยธรรมขอม
(4) โครงการจัดการผลิตเอทานอลในภาคอีสาน
(5) โครงการยกมาตรฐานการเรียนการสอนด้วยระบบศึกษาทางไกล
(6) โครงการเกษตรยั่งยืนเพื่อชุมชนเข้มแข็ง
(7) โครงการฟื้นฟูลุ่มน้ำชีตอนบนและลุ่มน้ำมูลตอนบนแบบบูรณาการเพื่อการผลิตยั่งยืน
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง
(นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์)
ระยะ 4 ปี พ.ศ.2561-2564
แผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนล่าง 1
กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) ระยะเวลา 4 ปี พ.ศ. 2561-2564 โดยยึดนโยบายรัฐบาล แผนการบริหารราชการแผ่นดิน แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทิศทางการพัฒนาภาค เป็นหลัก และมุ่งเน้นการทำงานแบบเครือข่ายร่วมกันทุกภาคส่วน (ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม) เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนากลุ่มจังหวัด ฯ ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ฯ สามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มจังหวัด รวมทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาร่วมกันของกลุ่มจังหวัด ให้เหมาะสมกับโอกาสและศักยภาพของกลุ่มจังหวัด และนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนและสร้างรายได้ให้กลุ่มจังหวัด จึงได้กำหนด
ตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ (Strategies Position)
1) เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย
2) เป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์ไหมระดับประเทศ
3) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทั้งการท่องเที่ยวอารยธรรมขอม เชิงนิเวศน์ การกีฬาที่มีชื่อเสียง
4) เป็นประตูสู่อีสาน และเชื่อมโยงการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน
วิสัยทัศน์ (Vision)
ศูนย์กลางเกษตรอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ไหม ท่องเที่ยวอารยธรรมขอม และการค้าชายแดน
พันธกิจ (Mission)
1) ส่งเสริมการผลิตและแปรรูปข้าวหอมมะลิ
2) ส่งเสริมและพัฒนาการผลิตมันสำปะหลังเพื่ออุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทน
3) ส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อกระบือ และแพะ และแปรรูปเชิงคุณภาพ
4) ส่งเสริมการเรียนรู้สู่การปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
5) ส่งเสริมศักยภาพการผลิตและการตลาดผลิตภัณฑ์ไหม
6) ส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้ได้รับความนิยม และบริหารจัดการให้มีศักยภาพ
7) ส่งเสริมและพัฒนาการค้าการลงทุน และค้าชายแดน
เป้าประสงค์รวม (Obgective)
1) ผลิตภัณฑ์มวลรวมกลุ่มจังหวัดภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
2) รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
3) รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไหมเพิ่มขึ้น
4) มูลค่าการส่งออกสินค้าชายแดนเพิ่มขึ้น
ประเด็นยุทธศาสตร์ (Strategics Issues)
1) การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเกษตรอุตสาหกรรมและแปรรูป
2) การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและผลิต ภัณฑ์ไหม
3) การส่งเสริมและพัฒนาการค้าการลงทุน และการค้าชายแดน
กลยุทธ์ (Strategy)
1) การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเกษตรอุตสาหกรรมและแปรรูปอาหาร
1.1 พัฒนาและบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร
1.2 ส่งเสริมและพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการกระจายสินค้าในภูมิภาค
1.3 ส่งเสริมการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมให้เหมาะสม
1.4 ยกระดับสินค้าเกษตรเข้าสู่ระบบมาตรฐาน
1.5 ส่งเสริมและพัฒนาตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
1.6 ส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสัตว์คุณภาพสูง
1.7 ส่งเสริมกระบวนการแปรรูปผลผลิตเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
1.8 สนับสนุนให้มีการรวมกลุ่มการผลิตและจำหน่าย
1.9 ยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาดสินค้าเกษตร
2) การยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และผลิตภัณฑ์ไหม
2.1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวก
2.2 พัฒนาและฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว
2.3 พัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว
2.4 พัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว
2.5 สร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว
2.6 พัฒนาระบบบริหารจัดการการท่องเที่ยว ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน
2.7 เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตไหมให้มีคุณภาพ
2.8 พัฒนาผลิตภัณฑ์ไหมให้มีคุณภาพและมาตรฐาน
2.9 ส่งเสริมการตลาดและการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ไหม
3) การส่งเสริมและพัฒนาการค้าการลงทุน และการค้าชายแดน
3.1 ส่งเสริมและพัฒนาการค้าชายแดน และการลงทุนในประเทศ
3.2 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์
แผนพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์
(พ.ศ.2561-2564)
วิสัยทัศน์จังหวัดบุรีรัมย์ ( Vision )
“ศูนย์กลางการท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและกีฬามาตรฐานโลก เศรษฐกิจมั่นคง สังคมสันติสุข 9 ดี”
พันธกิจของจังหวัดบุรีรัมย์ ( Mission )
เป้าประสงค์รวม
ประเด็นยุทธศาสตร์ ( Strategic lssues )
“เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอารยธรรมขอมและกีฬามาตรฐานโลก และการพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้พื้นฐานของการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย”
เป้าประสงค์ (Goals)
ตัวชี้วัด/ค่าเป้าหมาย
1.รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น (ร้อยละ 10)
กลยุทธ์
4.ส่งเสริมและพัฒนาความปลอดภัยและสุขอนามัยด้านการท่องเที่ยว
15.ส่งเสริมการค้าชายแดนเพื่อการค้าและการลงทุน
“คนบุรีรัมย์มีคุณภาพชีวิตที่ดี มั่นคง ยั่งยืน บนพื้นฐานความพอเพียง”
เป้าประสงค์ (Goals)
ตัวชี้วัด/ค่าเป้าหมาย
กลยุทธ์
“ทรัพยากรธรรมชาติสร้างสรรค์ชีวิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
เป้าประสงค์ (Goals)
ตัวชี้วัด/ค่าเป้าหมาย
๑. จำนวนแหล่งน้ำจังหวัดมีปริมาณและคุณภาพเพียงพอสำหรับการใช้ประโยชน์ (แห่ง)
๒. จำนวนพื้นที่ป่าไม้ (พื้นที่ป่าสงวน ป่าสาธารณะ ป่าชุมชน และพื้นที่ชุ่มน้ำ) เพิ่มขึ้น (ไร่)
๓. จำนวนชุมชนที่ดำเนินการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนโดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน
๔. อัตราการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะชุมชนลดลง
๕. จำนวนชุมชนที่ส่งเสริมการนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่
๖. ปริมาณขยะมูลฝอย ขยะติดเชื้อ และการก่อให้เกิดโรคจากขยะและมลพิษลดลง
๗. จำนวนพื้นที่เผาในที่โล่งของจังหวัดลดลง
๘. จำนวนพื้นที่ประสบภัยแล้งอุทกภัย และภัยธรรมชาติต่าง ๆ ได้รับการแก้ไขปัญหาและประชาชนที่ได้รับผลกระทบมีความพึงพอใจในการแก้ไขปัญหา
๙. จำนวนพื้นที่ป่า และพื้นที่สาธารณะที่ถูกบุกรุกลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
กลยุทธ์
“บุรีรัมย์สันติสุข 9 ดี”
เป้าประสงค์ (Goals)
๓. ลดอุบัติเหตุทางถนนและสาธารณภัย
ตัวชี้วัด/ค่าเป้าหมาย
๔. ระดับความสำเร็จในการป้องกันผู้ที่อาจเข้าไปที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
๕. ระดับความสำเร็จของการเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
๖. ระดับความสำเร็จในการส่งเสริมให้เกิดความสมานฉันท์และความสามัคคีของประชาชนภายในจังหวัดบุรีรัมย์
๗. ระดับความสำเร็จของการจัดตั้งเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
๘. ร้อยละที่เพิ่มขึ้นของการจัดตั้งชุดเฉพาะกิจตำบล
๙. ร้อยละของหมู่บ้าน/ชุมชนเอาชนะปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน
1๐. ระดับความสำเร็จในการป้องกันและปราบปรามปัญหาอาชญากรรม
1๑. ระดับความสำเร็จของการผนึกกำลังประชาชนในพื้นที่ชายแดนเพื่อสนับสนุนการป้องกันประเทศ
1๒. ระดับความสำเร็จในการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระดับท้องถิ่นกับประเทศเพื่อนบ้าน
1๓. ระดับความสำเร็จในการจัดตั้งเครือข่ายข่าวภาคประชาชนเพื่อความมั่นคง
1๔. ระดับความสำเร็จของการขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
1๕. ระดับความสำเร็จของการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่สอดคล้องกับความมั่นคงของชาติ
กลยุทธ์
6 เสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและท้องถิ่นในการบริหารจัดการ การตรวจสอบ และการเฝ้าระวังการทุจริตคอร์รัปชั่นและการแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดย มิชอบ
จังหวัดบุรีรัมย์กำหนดตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาจังหวัด (Positioning) 4 ด้าน คือ
ความสอดคล้องและตอบสนองต่อแนวทางการพัฒนาประเทศของ
แผนพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ พ.ศ.2561 -2564
Positioning
จังหวัดบุรีรัมย์
|
|
|
1.4 ยุทธศาสตร์การพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตจังหวัด
ประเทศไทย 4.0
ประเทศไทย 4.0 หมายถึง การปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่เน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยพัฒนา โดยที่ภาคเกษตรยังคงเป็นแกนหลักแต่จะเปลี่ยนการเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ โดยการสร้างเกษตรปราดเปรื่อง(Smart Farmer) และสนับสนุนให้เกษตรกรเป็นผู้ประกอบการมากขึ้น
ประเทศไทย 4.0 เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย หรือโมเดลพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่เข้ามาบริหารประเทศบนวิสัยทัศน์ที่ว่า “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ที่มีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศด้านต่างๆเพื่อปรับแก้ จัดระบบ ปรับทิศทาง และสร้างหนทางพัฒนาประเทศให้เจริญสามารถรับมือกับโอกาสและภัยคุกคามแบบใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รุนแรงในศตวรรษที่ 21 ได้ (ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์)
หลายประเทศกำหนดโมเดลเศรษฐกิจรูปแบบใหม่เพื่อสร้างความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 อาทิ สหรัฐอเมริกา พูดถึง A nation of Makers อังกฤษกลังผลักดันประเทศเข้าสู่ Design of Innovation ประเทศจีนประกาศโมเดล Made in China 2025 ส่วนอินเดียกำลังขับเคลื่อน Made in India หรือเกาหลีใต้วางโมเดลเศรษฐกิจเป็น Creative Economy และมองหาประเทศใกล้อย่างลาวยังเป็นประกาศโมเดลเศรษฐกิจเป็น Power of ASEAN
ประเทศไทย 1.0 ยุคทองของเกษตรกรรม เช่น ผลิตและขายพืชไร่ พืชสวน หมู หมา กา ไก่ เป็นต้น
ประเทศไทย 2.0 ยุคอุตสาหกรรมเบา เช่น การผลิตขายโรงเท้าเครื่องหนัง เครื่องดื่มเครื่องประดับ เครื่องเขียน กระเป๋า เครื่องนุ่งห่ม เป็นต้น
และยุคปัจจุบัน คือ ประเทศไทย 3.0 เป็นอุตสาหกรรมหนัก เช่น การผลิตและขาย ส่งออกเหล็กกล้า รถยนต์ กลั่นน้ำมัน แยกก๊าซธรรมชาติ ปูนซีเมนต์ เป็นต้น
นับตั้งแต่ประเทศไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยนโยบายต่างๆ พบว่ามีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงสุดเฉลี่ยถึง 7 % แต่หลังปี 2540 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจลดลงมาเป็น 3 – 4 % ต่อปี
เหตุผลสำคัญเพราะ
ด้วยเหตุนี้รัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทิศทางการขับเคลื่อนของประเทศด้วยแนวความคิดประเทศไทย 4.0 เพื่อผลักดันประเทศให้หลุดพ้นกับดัก 3 กับดักที่กำลังเผชิญ คือ
ประเทศไทย 4.0 จะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากที่กล่าวมาจากข้างต้นไปสู่ ยุคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม หรือ Value-Based Economy โดยมีหลักฐานคิดหลัก คือ
สร้างสรรค์และนวัตกรรม
ดังนั้น ประเทศไทย 4.0 ประเทศไทยจะต้องเปลี่ยนผ่านระบบใน 4 องค์ประกอบสำคัญ คือ
ประเทศไทย4.0 ถือเป็นการพัฒนาเครื่องยนต์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจชุดใหม่(New Engines of Growth) ด้วยการเปลี่ยนแปลง ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบของประเทศที่มีอยู่ 2 ด้าน คือ ความหลากหลายเชิงชีวภาพ ความหลากหลายเชิงวัฒนธรรม ให้เป็นความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน โดยการเติมเต็มด้วยวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา แล้วต่อยอดความได้เปรียบเป็น 5 กลุ่มเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเป้าหมายประกอบด้วย
กลไกขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0
(1) “Productive Growth Engine”
เป้าหมายสำคัญเพื่อปรับเปลี่ยนประเทศไทยสู่ High Income Country ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ปัญญา เทคโนโลยี และ ความคิดสร้างสรรค์
กลไกดังกล่าว ประกอบไปด้วย: การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในรูปแบบประชารัฐ การบริหารจัดการสมัยใหม่ และการสร้างคลัสเตอร์ทางด้านเทคโนโลยี การพัฒนาขีดความสามารถด้านการวิจัยและการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม กิจการร่วมทุนรัฐและเอกชนในโครงการขนาดใหญ่ รวมถึงการบ่มเพาะธุรกิจด้านเทคโนโลยี เป็นต้นซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์ความพยายามในการก้าวข้าม กับดักประเทศรายได้ปานกลาง ที่ไทยกำลังเผชิญอยู่
(2) “Inclusive Growth Engine”
เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์และเป็นการกระจายรายได้ โอกาส และความมั่งคั่งที่เกิดขึ้น
โดยกลไกนี้ ประกอบไปด้วย: การสร้างคลัสเตอร์เศรษฐกิจระดับกลุ่มจังหวัด การพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานรากในชุมชน การส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม เพื่อตอบโจทย์ประเด็นปัญหาและความท้าทายทางสังคมในมิติต่างๆ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ การส่งเสริมและสนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก การสร้างงานใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต การยกระดับขีดความสามารถ การเสริมสร้างทักษะและการเติมเต็มศักยภาพของประชาชนให้ทันกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงจากภายนอก และการจ่ายภาษีให้แก่ผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดแบบมีเงื่อนไข (Negative Income Tax)เพื่อแก้ไข กับดักความเหลื่อมล้ำ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
(3) “Green Growth Engine”
การสร้างความมั่งคั่งของประเทศไทยในอนาคต จะต้องคำนึงถึงการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์หลุดออกจาก กับดักความไม่สมดุลของการพัฒนาระหว่างคนกับสภาพแวดล้อม
กลไกดังกล่าว ประกอบไปด้วย: การมุ่งเน้นการใช้พลังงานทดแทน การปรับแนวคิดจากเดิมที่คำนึงถึงความได้เปรียบเรื่องต้นทุน (Cost Advantage) เป็นหลัก มาสู่การคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้จากการลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งระบบ (Lost Advantage) หัวใจสำคัญอยู่ที่การพัฒนากระบวนการผลิตให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด อันจะเกิดประโยชน์กับประเทศและประชาคมโลกด้วยในเวลาเดียวกัน
ทั้ง 3 กลไกขับเคลื่อน ประเทศไทย 4.0 ถือเป็นการปฏิรูปประเทศไทยไปสู่ความมั่งคั่งอย่างมั่นคงและยั่งยืน เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งถือเป็นเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจจากการพึ่งพาการลงทุนต่างประเทศ มีการลงทุนการวิจัยและพัฒนาตัวเองน้อยมากโดยมุ่งเน้นการพัฒนาการศึกษาคน สร้างการวิจัยและพัฒนา โครงสร้างเศรษฐกิจ ให้ไทยสามารถอยู่ได้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งรัฐบาลต้องกล้าพอที่จะถอดกับดักจากการดึงเงินลงทุนต่างประเทศ เอาเทคโนโลยีของต่างชาติทา และต้องยืนอยู่บนขาของตนเองในระดับหนึ่ง
โดยสรุป ประเทศไทย 4.0
กระบวนทัศน์การพัฒนาประเทศไทยภายไต้แนวคิด ประเทศไทย 4.0 เป็นอีกนโยบายหนึ่งที่เป็นการวางรากฐานการพัฒนาประเทศไทยในระยะยาว เป็นจุดเริ่มต้นในการขับเคลื่อนการนำไปสู่การเป็นประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์รัฐบาล เป็นรูปแบบที่มีการผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ การปฏิรูปการวิจัยและการพัฒนา ตลอดจน การปฏิรูปการศึกษาไปพร้อมๆกัน เป็นการผนึกกำลังของทุกภาคส่วนภายใต้แนวคิด ประชารัฐ ที่ผนึกเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ การวิจัยพัฒนา และบุคลากรทั้งในประเทศละระดับโลก
2.1 วิสัยทัศน์
“ทุกสิ่งต้องสร้าง ทุกอย่างต้องมี”
2.2 ยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาด้านคุณภาพชีวิต
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาด้านการป้องกันสาธารณะภัย
ยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม
ยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนาด้านบริหารจัดการและการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน
2.3 เป้าประสงค์
คนตูมใหญ่ มีความมั่งคั่งมั่นคง มีคุณภาพชีวิตดี บนวิถีความพอเพียง
2.4 ตัวชี้วัด
2.4.1.มีความมั่งคั่ง
2.4.2.มีความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน
2.4.3.มีความคุณภาพชีวิตดี
2.4.4.มีสิ่งแวดล้อมดี
2.4.5.มีธรรมาภิบาล
2.4.6.การสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน
2.4.7.การสร้างความสามัคคี เท่าเทียมและเป็นธรรม ตามครรลองประชาธิปไตย
2.4.8.การสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้
2.4.9.การสร้างความเข็มเข็งให้ชุมชน
2.5 ค่าเป้าหมาย
2.5.1. ร้อยละ 60 ของครัวเรือนในตำบลตูมใหญ่ มีรายได้เพิ่มขึ้น
2.5.2. ร้อยละ 95 ของประชาชนตำบลตูมใหญ่มีความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน
2.5.3. ร้อยละ 95 มีความคุณภาพชีวิตดี
2.5.4. ร้อยละ 80 ของประชากรในเขตองค์การบริการส่วนตำบลตูมใหญ่อยู่อาศัยท่ามกลาง
สิ่งแวดล้อมที่ดี
2.5.5. องค์การบริหารส่วนตำบลตูมใหญ่ผ่านการประเมินไม่น้อยกว่าร้อย 75 ของการตรวจประเมิน
มาตรฐานการปฏิบัติราชการและร้อยละ 70 ของการตรวจประเมินธรรมาภิบาล
2.5.6. ร้อยละ 10 ของงบประมาณตามในโครงการในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ได้รับการจัดสรรเพิ่มขึ้นทุกปี
2.5.7. ร้อยละ 80 ประชากรมีความรักสามัคคีตามวิถีการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข
2.5.8. ร้อยละ 80 ของประชาชน,พนักงานส่วนตำบลมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งาน ถ่ายทอดภูมิปัญญา
อาชีพประสบการณ์ เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
2.5.9. ร้อยละ 90 ของหมู่บ้านชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้านประชาชน มีความเข้มแข็ง
มีความพอเพียง มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้คู่คุณธรรม
2.6 กลยุทธ์
ใช้กลยุทธ์ 5 มี 4 สร้าง
5 มีประกอบด้วย
4 สร้างประกอบด้วย
2.7 จุดยืนทางยุทธศาสตร์
2.8 ความเชื่อมโยงของยุทธศาสตร์ในภาพรวม
ตัวแบบโครงสร้างการเชื่อม: ตัวแบบภาวะผู้นำ ผู้บริการกำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนา
รูปแบบ: รูปแบบโครงสร้างรังผึ้ง เชื่อมโยงถึงกัน มุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดคือ วิสัยทัศน์
แผนงาน
1 แผนงานบริหารงานทั่วไป
2 แผนงานการรักษาความสงบภายใน
3 แผนงานการศึกษา
4 แผนงานสาธารณสุข
5 แผนงานสังคมสงเคราะห์
6 แผนงานเคหะและชุมชน
7 แผนงานสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
8 แผนงานการศาสนาวัฒนธรรมและนันทนาการ
9 แผนงานการเกษตร
10 แผนงานพาณิชย์
11 แผนงานงบกลาง
องค์การบริการส่วนตำบลตูมใหญ่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ 31190 โทร 044 666 322